“พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์” ฐานะถูกเรียกขาน “รองแดง หรือ ลาวแดง” เต้นแจงเหตุมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกองปราบฯ อ้างถูกตำรวจ บก.น.1 ระบุ “รองแดง” อุ้มไถเงินให้ใช้หนี้ 10 ล้าน ไม่เป็นความจริง ยันบริสุทธิ์พร้อมสู้ตาม กม. ย้ำไม่มีตำรวจนายใดทำเช่นนั้น วอนชี้ให้ชัดเพราะรองแดงในไทยมีหลายคน
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ รอง ผกก.สส.บก.น.1 เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 อุ้มไปรีดไถเงินให้ใช้หนี้ จำนวน 10 ล้านบาท โดยระบุชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “รองแดง” ตามด้วยตำรวจ กก.สส.บก.น.1 นั้น ตนขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.1 คนใดรีดไถเงินผู้ต้องหา ส่วนที่มีการระบุชื่อ รองแดง ตนอยากให้ชี้แจงและระบุให้ชัดเจนว่าเป็นคนไหน เนื่องจากรองแดงในประเทศไทยมีหลายคน แต่ถ้า “ลาวแดง” มีคนเดียว ซึ่งตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดและพร้อมที่จะใช้สิทธิต่อสู้ตามกฎหมายพร้อมทั้งฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาท
พ.ต.ท.ศุภกฤช กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของ กก.สส.บก.น.1 เข้าจับกุมตัวนายกำธร ดาวเงิน ผู้ต้องหาคดีสำคัญที่มีหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาฆ่าผู้อื่น และถูกศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต แต่นายกำธรได้หลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายกำธรหลบหนีมากบดานในย่านลาดพร้าว จึงตามไปจับกุมตัว ซึ่งในขณะนั้นได้พบอาวุธปืนด้วยจึงนำส่ง สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีในข้อหาพกพาอาวุธปืน
“วันที่ชุดสืบสวนของ บก.น.1 ไปจับนั้น ผมไม่ได้ไปด้วย ซึ่งหลังจากที่นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำที่ บก.น.1 ผมก็ตามมาทีหลังเพราะได้รับรายงานว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ระหว่างที่สอบปากคำก็มีผู้หญิงซึ่งเป็นแฟนของผู้ต้องหาเข้ามาขอเจรจาไกล่เกลี่ยให้ปล่อยตัว ซึ่งตำรวจไม่สามารถทำได้ จากนั้นก็มีคู่กรณีของผู้ต้องหาซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเข้ามาที่ บก.น.1 เพื่อพูดคุยกับผู้ต้องหาและแฟนเรื่องหนี้สิน ก่อนจะทะเลาะวิวาทกันเป็นเรื่องเป็นราว ผมจึงบอกว่าเป็นสถานที่ราชการให้ไปตกลงกันเองภายหลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เกี่ยว ไม่ได้มีการข่มขู่หรือรีดไถเงินให้ใช้หนี้แต่อย่างใด หลังจากนั้นก็นำตัวผู้ต้องหาส่งที่จ.เชียงใหม่เพื่อดำเนินคดี” พ.ต.ท.ศุภกฤช กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 เพียงแค่จับนายกำธร ตามหมายจับเท่านั้น ซึ่งแฟนของผู้ต้องหาก็ตามมาที่ บก.น.1 ก่อนจะมีเจ้าทุกข์เข้ามาทะเลาะวิวาทกับผู้ต้องหา ตำรวจจึงไกล่เกลี่ยให้ตกลงกันดีๆ ไม่ใช่ทะเลาะกันในสถานที่ราชการ ตนคาดว่าผู้ต้องหาและแฟนอาจจะเป็นหนี้และไม่ได้ชดใช้ทำให้เจ้าหนี้ตามมาที่ บก.น.1 หลังทราบว่าผู้ต้องหาถูกจับ ไม่มีตำรวจคนใดรีดไถเงินตามที่มีการไปร้องเรียนที่กองปราบฯ