รวบหลานยายคนรับใช้บ้านนายแพทย์ รพ.รามาฯ รับสารภาพทำมาแล้ว 5 ครั้ง เหตุร้อนเงินร่วมทุนทำสนามยิงปืนกับแฟนหนุ่ม ขณะที่เจ้าของบ้าน ชี้เกิดจากความไว้วางใจเพราะครอบครัวสนิทกันมาก เนื่องจากยายของผู้ต้องหาเคยเป็นคนรับใช้ในบ้านมาก่อน แถมส่งเรียนถึงปริญญาตรี แต่สุดท้ายตอบแทนลักทรัพย์กว่า 2 ล้าน
วันนี้ (3 พ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. และร.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ รอง สว.กก.1 บก.ป. แถลงข่าวจับกุม น.ส.ขวัญใจ เดือนไทยสงค์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 4 ต.ปะอาว อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลาง สร้อยคอโลหะ 7 เส้น แหวนโลหะ 10 วง จี้ 4 อัน ต่างหู 3 คู่ กล้องถ่ายรูป 2 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสด 320,000 บาท สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 4 เล่ม และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการรวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท จับกุมได้ที่บริเวณสนามยิงปืนบีบีกัน “ยูเอฟซี” ถนนนิมิตรใหม่ แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. จึงกล่าวหาลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นคุ้มครองทรัพย์และบุกรุกเคหะสถาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นางนิภา เจตน์สว่างศรี อายุ 74 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท สหตะวันออก จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 335-339 ซอยราษฎร์บูรณะ 29 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กทม. พร้อมด้วยบุตรชาย ผศ.นพ.ธวัช เจตน์สว่างศรี อายุ 48 ปี สูตินารีแพทย์ รพ.รามาธิบดี เข้าแจ้งความต่อ บก.ป. เพื่อให้จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบริษัทดังกล่าวซึ่งเปิดเป็นโรงงานทำสีและใช้เป็นที่พักอาศัยของครอบครัว เบื้องต้นผู้เสียหายสงสัยว่าน่าเป็นฝีมือของ น.ส.ขวัญใจ หลานสาวของอดีตคนรับใช้ในบ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่เร่งออกสืบสวนติดตามตัว น.ส.ขวัญใจ พร้อมของกลางหลายรายการ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวน
น.ส.ขวัญใจ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อเหตุลักทรัพย์มาจากบ้านพักของผู้เสียหายจริง โดยทำมาแล้ว 5 ครั้ง เนื่องจากต้องการเงินมาร่วมลงทุนทำสนามยิงปืนบีบีกันกับแฟนหนุ่มและแบ่งบางส่วนไว้ใช้จ่ายส่วนตัว โดยจะฉวยโอกาสลงมือในช่วงที่เดินทางไปหาน้าสาว ซึ่งเป็นคนรับใช้ในบ้านของผู้เสียหายและตนก็เคยทำงานดังกล่าวอยู่ด้วยระยะหนึ่ง แต่ช่วง 3-4 เดือนมานี้ตนได้ออกจากบ้านมาอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มแต่ก็ยังไปๆ มาๆ อยู่ตลอดเวลา
ขณะที่ นางนิภาให้การว่า ตนและครอบครัวผู้ต้องหาสนิทกันมากเพราะยายของเขาเคยเป็นคนรับใช้ที่บ้านมาก่อนเมื่อยายเขาทำงานไม่ไหว น้าสาวเขาก็มาทำงานแทน สำหรับ น.ส.ขวัญใจ ตนจ้างมาเลี้ยงดูหลานและเห็นว่ายายเขาเป็นคนเก่าแก่จึงเชื่อใจให้มาอยู่ด้วยเป็นเวลานับสิบปีโดยให้เข้าออกภายในบ้านได้เหมือนคนครอบครัวเดียวกัน
“ฉันเอ็นดูเขาเหมือนลูกเหมือนหลาน และส่งเสียให้เล่าเรียนจนถึงระดับปริญญาตรี แต่ไม่คิดว่าจะเนรคุณก่อเหตุลักทรัพย์สินของฉัน ช่วงเกิดเหตุครั้งหลังสุด เป็นวันหยุดไม่มีใครอยู่ในบริษัทมีเพียง น.ส.ขวัญใจ เท่านั้นที่เดินทางมาที่บ้านและอยู่ในบ้านจึงเชื่อว่าเขาเป็นคนขโมยทรัพย์สินแน่นอน”
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัว น.ส.ขวัญใจ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (3 พ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. และร.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ รอง สว.กก.1 บก.ป. แถลงข่าวจับกุม น.ส.ขวัญใจ เดือนไทยสงค์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 4 ต.ปะอาว อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลาง สร้อยคอโลหะ 7 เส้น แหวนโลหะ 10 วง จี้ 4 อัน ต่างหู 3 คู่ กล้องถ่ายรูป 2 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสด 320,000 บาท สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 4 เล่ม และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการรวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท จับกุมได้ที่บริเวณสนามยิงปืนบีบีกัน “ยูเอฟซี” ถนนนิมิตรใหม่ แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. จึงกล่าวหาลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นคุ้มครองทรัพย์และบุกรุกเคหะสถาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นางนิภา เจตน์สว่างศรี อายุ 74 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท สหตะวันออก จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 335-339 ซอยราษฎร์บูรณะ 29 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กทม. พร้อมด้วยบุตรชาย ผศ.นพ.ธวัช เจตน์สว่างศรี อายุ 48 ปี สูตินารีแพทย์ รพ.รามาธิบดี เข้าแจ้งความต่อ บก.ป. เพื่อให้จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบริษัทดังกล่าวซึ่งเปิดเป็นโรงงานทำสีและใช้เป็นที่พักอาศัยของครอบครัว เบื้องต้นผู้เสียหายสงสัยว่าน่าเป็นฝีมือของ น.ส.ขวัญใจ หลานสาวของอดีตคนรับใช้ในบ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่เร่งออกสืบสวนติดตามตัว น.ส.ขวัญใจ พร้อมของกลางหลายรายการ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวน
น.ส.ขวัญใจ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อเหตุลักทรัพย์มาจากบ้านพักของผู้เสียหายจริง โดยทำมาแล้ว 5 ครั้ง เนื่องจากต้องการเงินมาร่วมลงทุนทำสนามยิงปืนบีบีกันกับแฟนหนุ่มและแบ่งบางส่วนไว้ใช้จ่ายส่วนตัว โดยจะฉวยโอกาสลงมือในช่วงที่เดินทางไปหาน้าสาว ซึ่งเป็นคนรับใช้ในบ้านของผู้เสียหายและตนก็เคยทำงานดังกล่าวอยู่ด้วยระยะหนึ่ง แต่ช่วง 3-4 เดือนมานี้ตนได้ออกจากบ้านมาอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มแต่ก็ยังไปๆ มาๆ อยู่ตลอดเวลา
ขณะที่ นางนิภาให้การว่า ตนและครอบครัวผู้ต้องหาสนิทกันมากเพราะยายของเขาเคยเป็นคนรับใช้ที่บ้านมาก่อนเมื่อยายเขาทำงานไม่ไหว น้าสาวเขาก็มาทำงานแทน สำหรับ น.ส.ขวัญใจ ตนจ้างมาเลี้ยงดูหลานและเห็นว่ายายเขาเป็นคนเก่าแก่จึงเชื่อใจให้มาอยู่ด้วยเป็นเวลานับสิบปีโดยให้เข้าออกภายในบ้านได้เหมือนคนครอบครัวเดียวกัน
“ฉันเอ็นดูเขาเหมือนลูกเหมือนหลาน และส่งเสียให้เล่าเรียนจนถึงระดับปริญญาตรี แต่ไม่คิดว่าจะเนรคุณก่อเหตุลักทรัพย์สินของฉัน ช่วงเกิดเหตุครั้งหลังสุด เป็นวันหยุดไม่มีใครอยู่ในบริษัทมีเพียง น.ส.ขวัญใจ เท่านั้นที่เดินทางมาที่บ้านและอยู่ในบ้านจึงเชื่อว่าเขาเป็นคนขโมยทรัพย์สินแน่นอน”
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัว น.ส.ขวัญใจ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ดำเนินคดีต่อไป