ญาติสุดอาลัยเดินทางรับศพเหยื่อแผ่นปูนหล่นทับร่างเสียชีวิต น้องสาวเผยผู้ตายเป็นเจ้าของ ร.ร.ทิพพากรวิทยาการ เป็นคนแข็งแรง วันเกิดเหตุเดินทางไปตรวจร่างกายที่ รพ.รามาฯ ขอบคุณแพทย์ที่ช่วยยื้อชีวิตที่สุดแล้ว ขณะที่ตำรวจเร่งสอบพยานก่อนแจ้งข้อหารถต้นเหตุขับประมาททำให้คนอื่นตาย
วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายสิทธิศักดิ์ บัวเผื่อนหอม 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 ซ.รังสิต-ปทุมธานี 15 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ลูกชาย พร้อมญาติๆ ได้เดินทางมารับศพ นางวิไลวรรณ บัวเผื่อนหอม อายุ 65 ปี ที่นิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี หลังจากนางวิไลวรรณถูกแผ่นปูนกั้นเสียงทางด่วนหล่นทับศีรษะ บริเวณป้ายรถประจำทางหน้า รพ.รามาธิบดี เมื่อวันที่ 29 ต.ค.52 ที่ผ่านมา
ด้าน นางทัศนีย์ ทิพย์คงคา อายุ 51 ปี น้องสาวผู้ตายเปิดเผยว่า ผู้ตายก่อนที่จะเกษียณอายุราชการได้เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์ และยังเป็นเจ้าของโรงเรียนทิพพากรวิทยาการ ตั้งอยู่ที่ คลอง 2 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับอนุบาลจนถึง ม.3 ส่วนสามีผู้ตายเป็นสมาชิกเทศบาล ที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งผู้ตายมีลูกทั้งหมด 3 คน ส่วนผู้ตายอาศัยอยู่กับลูกคนเล็ก คือนายสรพงษ์ บัวเผื่อนหอม ที่บ้านเลขที่ 56 รังสิต-ปทุมธานี ส่วนลูกสาวคนโต และลูกชายคนที่ 2 ได้แยกออกไปมีครอบครัวแล้ว
นางทัศนีย์กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันเกิดเหตุผู้ตายได้เดินทางออกจากบ้านพักย่านปทุมธานี เพื่อเดินทางมาที่โรงพยาบาลทำการตรวจเลือดและตรวจร่างกายตามที่หมอนัด โดยเดินทางมาคนเดียว ซึ่งปกติพี่สาวตนจะเดินทางคนเดียวตลอดเนื่องจากเป็นคนแข็งแรง และเป็นคนที่เกรงใจลูกหลานมาก ๆ จะไม่ยอมให้ใครไปส่ง โดยขณะเกิดเหตุคาดว่าพี่สาวน่าจะมาถึงโรงพยาบาลพอดี แต่ก็ยังไม่ทันที่จะเข้าไปตรวจ ก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน
“หลังเกิดเหตุทราบเรื่องเนื่องจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้โทร.มาบอก ก็รู้สึกช็อก หลังจากนั้นก็รีบเดินทางมา เมื่อมาถึงก็ทราบว่าพี่สาวหัวใจหยุดเต้นแล้ว แต่ทางแพทย์ก็ได้พยายามช่วยเหลือปั๊มหัวใจขึ้นมา แต่เมื่อดูผลจากการเอกซเรย์ หมอก็ได้บอกกับทางญาติแล้วว่าโอกาสช่วยให้รอดชีวิตนั้นมีน้อยเนื่องจากสมองบวม กะโหลกร้าวและยุบ เลือดคั่ง กระดูกทั่วร่างกายหัก ปอดฉีก ขาขวาหัก ซึ่งทางญาติก็เข้าใจและต้องขอบคุณทางแพทย์ที่ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี และรวมถึงเจ้าหน้าที่ ทางด่วนที่ให้การอำนวยความสะดวก ตั้งแต่วันเกิดเหตุ จนกระทั่งวันรับศพ นอกจากนั้น วันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ของวิริยะประกันภัย ซึ่งเป็นประกันภัยของรถเบนซ์ ซึ่งเป็นรถที่ประสบเหตุชนเมื่อวานบนทางด่วน มาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งรวมเป็นเงิน 114,000” นางทัศนีย์กล่าว
นางทัศนีย์กล่าวอีกว่า ส่วนผลจากแพทย์ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ส่วนศพผู้เสียชีวิตนั้นก็จะตั้งสวดที่วัดเขียนเขต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นเวลา 5 วัน ส่วนในเรื่องค่าชดเชย และค่าเสียหายอื่นนั้น เบื้องต้นได้คุยกับเจ้าหน้าที่บริษัท ทางด่วนกรุงเทพฯ แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้บอกว่า ต้องรอผลการสรุปการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่าใครผิดใครถูก ซึ่งทางญาติๆ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ก็อยากให้ว่าไปตามคดีความ
ด้าน พ.ต.ท.วาทิต อิฎฐกุล พงส. (สบ 2) สน.ทางด่วน 2 เบื้องต้นได้สอบพยานไปแล้ว 2 ปาก ตอนนี้ก็เหลือสอบปากคำ คนขับรถฮอนด้า เท่านั้นซึ่งขณะนี้ได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล พญาไท 2 และก็รอสอบญาติของผู้เสียหาย ซึ่งขณะนี้กำลังจัดการเรื่องศพอยู่ สำหรับในเรื่องสำนวนคดี หลังจากสอบพยานและผู้เสียหายหมด ก็จะนำมาพิจารณาว่าสาเหตุมาจากรถคันใด ก่อนที่จะแจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน
เก๋งชนสนั่น 3 คันรวดบนทางด่วนปูนกั้นเสียงละลิ่วทับยายดับ
วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายสิทธิศักดิ์ บัวเผื่อนหอม 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 ซ.รังสิต-ปทุมธานี 15 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ลูกชาย พร้อมญาติๆ ได้เดินทางมารับศพ นางวิไลวรรณ บัวเผื่อนหอม อายุ 65 ปี ที่นิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี หลังจากนางวิไลวรรณถูกแผ่นปูนกั้นเสียงทางด่วนหล่นทับศีรษะ บริเวณป้ายรถประจำทางหน้า รพ.รามาธิบดี เมื่อวันที่ 29 ต.ค.52 ที่ผ่านมา
ด้าน นางทัศนีย์ ทิพย์คงคา อายุ 51 ปี น้องสาวผู้ตายเปิดเผยว่า ผู้ตายก่อนที่จะเกษียณอายุราชการได้เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์ และยังเป็นเจ้าของโรงเรียนทิพพากรวิทยาการ ตั้งอยู่ที่ คลอง 2 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับอนุบาลจนถึง ม.3 ส่วนสามีผู้ตายเป็นสมาชิกเทศบาล ที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งผู้ตายมีลูกทั้งหมด 3 คน ส่วนผู้ตายอาศัยอยู่กับลูกคนเล็ก คือนายสรพงษ์ บัวเผื่อนหอม ที่บ้านเลขที่ 56 รังสิต-ปทุมธานี ส่วนลูกสาวคนโต และลูกชายคนที่ 2 ได้แยกออกไปมีครอบครัวแล้ว
นางทัศนีย์กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันเกิดเหตุผู้ตายได้เดินทางออกจากบ้านพักย่านปทุมธานี เพื่อเดินทางมาที่โรงพยาบาลทำการตรวจเลือดและตรวจร่างกายตามที่หมอนัด โดยเดินทางมาคนเดียว ซึ่งปกติพี่สาวตนจะเดินทางคนเดียวตลอดเนื่องจากเป็นคนแข็งแรง และเป็นคนที่เกรงใจลูกหลานมาก ๆ จะไม่ยอมให้ใครไปส่ง โดยขณะเกิดเหตุคาดว่าพี่สาวน่าจะมาถึงโรงพยาบาลพอดี แต่ก็ยังไม่ทันที่จะเข้าไปตรวจ ก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน
“หลังเกิดเหตุทราบเรื่องเนื่องจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้โทร.มาบอก ก็รู้สึกช็อก หลังจากนั้นก็รีบเดินทางมา เมื่อมาถึงก็ทราบว่าพี่สาวหัวใจหยุดเต้นแล้ว แต่ทางแพทย์ก็ได้พยายามช่วยเหลือปั๊มหัวใจขึ้นมา แต่เมื่อดูผลจากการเอกซเรย์ หมอก็ได้บอกกับทางญาติแล้วว่าโอกาสช่วยให้รอดชีวิตนั้นมีน้อยเนื่องจากสมองบวม กะโหลกร้าวและยุบ เลือดคั่ง กระดูกทั่วร่างกายหัก ปอดฉีก ขาขวาหัก ซึ่งทางญาติก็เข้าใจและต้องขอบคุณทางแพทย์ที่ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี และรวมถึงเจ้าหน้าที่ ทางด่วนที่ให้การอำนวยความสะดวก ตั้งแต่วันเกิดเหตุ จนกระทั่งวันรับศพ นอกจากนั้น วันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ของวิริยะประกันภัย ซึ่งเป็นประกันภัยของรถเบนซ์ ซึ่งเป็นรถที่ประสบเหตุชนเมื่อวานบนทางด่วน มาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งรวมเป็นเงิน 114,000” นางทัศนีย์กล่าว
นางทัศนีย์กล่าวอีกว่า ส่วนผลจากแพทย์ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ส่วนศพผู้เสียชีวิตนั้นก็จะตั้งสวดที่วัดเขียนเขต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นเวลา 5 วัน ส่วนในเรื่องค่าชดเชย และค่าเสียหายอื่นนั้น เบื้องต้นได้คุยกับเจ้าหน้าที่บริษัท ทางด่วนกรุงเทพฯ แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้บอกว่า ต้องรอผลการสรุปการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่าใครผิดใครถูก ซึ่งทางญาติๆ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ก็อยากให้ว่าไปตามคดีความ
ด้าน พ.ต.ท.วาทิต อิฎฐกุล พงส. (สบ 2) สน.ทางด่วน 2 เบื้องต้นได้สอบพยานไปแล้ว 2 ปาก ตอนนี้ก็เหลือสอบปากคำ คนขับรถฮอนด้า เท่านั้นซึ่งขณะนี้ได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล พญาไท 2 และก็รอสอบญาติของผู้เสียหาย ซึ่งขณะนี้กำลังจัดการเรื่องศพอยู่ สำหรับในเรื่องสำนวนคดี หลังจากสอบพยานและผู้เสียหายหมด ก็จะนำมาพิจารณาว่าสาเหตุมาจากรถคันใด ก่อนที่จะแจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน
เก๋งชนสนั่น 3 คันรวดบนทางด่วนปูนกั้นเสียงละลิ่วทับยายดับ