สั่งทุกพื้นที่ตั้งด่านสกัดแก๊งซิ่งป่วนงานลอยกระทง!

นครบาลออกมาตรการสกัดแก๊งซิ่งป่วนงานลอยกระทง สั่งทุกพื้นที่ตั้งจุดสกัด เน้นตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พร้อมประสานโรงแรมตรวจสอบผู้มาใช้บริการต่ำกว่า 18 ห้ามเข้า รวมถึงสถานบันเทิงห้ามเปิดเกินเวลา

วันนี้ (30 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. กล่าวถึงมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเนื่องในเทศกาลลอยกระทง ในวันที่ 2 พ.ย.ที่จะถึงนี้ว่า ในเทศกาลลอยกระทงทางตำรวจนครบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ก็ได้เรียกประชุม วางแผนรับมืออาชญากรรมและสั่งการกำชับให้ทุกกองบังคับการ ในเรื่องการป้องกันการกระทำผิด อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มาร่วมงานลอยกระทงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ

พล.ต.ต.สุพร กล่าวถึงมาตรการป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรมว่า ให้ทุกพื้นที่ตั้งจุดตรวจสกัด เน้นการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ กลุ่มวัยรุ่นที่ตั้งแก๊งซิ่งขับขี่รถจักรยานยนต์แข่งกันสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อประชาชน รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มาร่วมงานลอยกระทงให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย

พล.ต.ต.สุพร กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาเรื่องดอกไม้ไฟก็เตือนให้ทุกกองบังคับการออกตรวจสอบดูแลอย่างเข้มงวดกวดขันตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา และรายงานผลการตรวจสอบจับกุมในวันที่ 4 พ.ย. โดยเฉพาะผู้ที่จำหน่ายต้องมีใบอนุญาตจำหน่าย และไม่มีดอกไม้ไฟที่อันตรายรุนแรงจำหน่าย รวมทั้งผู้เล่นก็ต้องอยู่ในขอบเขตโดยเฉพาะเด็ก เยาวชนต้องปลอดภัยและไม่ปาใส่ผู้อื่น ซึ่งในปีก่อนทางตำรวจนครบาลสามารถจับกุมผู้จำหน่ายที่กระทำผิดในการจำหน่ายดอกไม้ไฟผิดกฎหมายได้จำนวนถึง 107 ราย และผู้เล่นอีก 5 คน

เมื่อถามถึงปัญหาวันลอยกระทงที่หลายฝ่ายเกรงว่าวัยรุ่นจะรวมกลุ่มกันมั่วสุมเสพยาเสพติด หรือมีเพศสัมพันธ์ พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า ตามจุดสกัดต่างๆ เราได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตักเตือนกลุ่มวัยรุ่น พร้อมทั้งประสานโรงแรมในพื้นที่ในการตรวจสอบผู้มาใช้บริการว่าอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือไม่ รวมทั้งตามหอพักต่างๆ ที่มีการจัดงานรื่นเริงก็ต้องตรวจสอบว่ามีการจัดปาร์ตี้ยาแอบแฝงด้วยหรือไม่ รวมทั้งสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา และร้านขายสุราต้องมีใบอนุญาตและขายได้ในเวลาที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

“การตรวจจับแก๊งซิ่งขับขี่รถจักรยานยนต์แข่งกันนั้น ทุกกองบังคับการแบ่งจุดในการตรวจจับอยู่แล้ว ซึ่งแก๊งซิ่งเหล่านี้มักมีจุดแข่งขันประจำ แต่เมื่อรู้ว่ามีการตั้งด่านสกัดก็จะกลบเลี่ยงได้ ต้องมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างโรงพักในพื้นที่เพื่อทำการสกัดจับ” รอง ผบช.น.กล่าว