กองปราบฯ รวบอดีตนายทหารยศพันตรี สังกัดกรมยุทธศึกษาทหารบก สุดแสบหลอกเหยื่ออ้างรู้จักทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพสามารถทำให้ติดยศสัญญาบัตรได้ แต่ต้องเสียค่าดำเนินการหัวละ 2-3 แสน เหยื่อหลงเชื่อยอมจ่าย 5 แสน มารู้ภายหลังถูกหลอกพร้อมเหยื่อ 42 ราย เสียหายกว่า 6.5 ล้าน ก่อนเข้าแจ้งความและสามารถจับตัวได้ สารภาพทำตามคำสั่งนายทหารคนหนึ่ง ส่วนเงินที่หลอกเหยื่อได้ใช้จ่ายหมดแล้ว
วันนี้ (23 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผกก.1 บก.ป.และ พ.ต.ต.พุทธพงศ์ เมฆเอี่ยมนภา สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุม พ.ต.สุนทร สุขานุยุทธ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125/173 หมู่ 3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ อดีตนายทหารสังกัดกรมยุทธศึกษาทหารบก ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 947/2552 ลงวันที่ 10 กันยายน 2552 ข้อหาฉ้อโกง โดย จับกุมได้ที่บริเวณตู้ยามแหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายว่ารู้จักกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคนในกองทัพและสามารถพาเข้าให้เป็นนายหารสัญญาบัตรได้แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินการหัวละ 2-3 แสนบาท มีเหยื่อหลงเชื่อหลายรายรวมมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
ด้าน นางสุนันทา พินทะก่ำ อายุ 42 ปี อยู่เลขที่ 171 หมู่ 4 ต.ชัยชุมพล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้ต้องหาที่อ้างตัวว่าสามารถช่วยเหลือให้หลานชายของตน 2 คน เข้าเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ตามโควต้าของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นการเปิดรับภายในไม่ต้องสอบแข่งขัน แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นจำนวน 250,000 บาทต่อราย
“ฉันเห็นว่าช่องทางนี้สามารถช่วยเหลือหลานชายให้ได้เป็นนายทหารสมใจที่เขาใฝ่ฝัน จึงตกลงยินยอมจ่ายเงินให้กับผู้ต้องหาเป็นจำนวน 500,000 บาท แต่หลังจากเวลาผ่านมานานนับเดือนกลับไม่มีความคืบหน้าอย่างใด เมื่อสอบถามทางผู้ต้องหาก็ถูกผลัดเรื่อยมา เชื่อว่า น่าจะถูกหลอกลวงแน่นอน” นางสุนันทากล่าว
นางสุนันทากล่าวอีกว่า ในระยะหลังตนก็ไม่สามารถติดต่อกับผู้ต้องหาได้อีก ต่อมาจึงทราบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงด้วยพฤติการณ์คล้ายคลึงกันและได้นัดหมายรวมตัวกันเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต โดยผู้เสียหายรวมทั้งหมด 42 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 6,540,000 บาท และได้เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ป.กระทั่งทราบว่าทางตำรวจ บก.ป.สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ ซึ่งหลังจากนี้ตนจะปรึกษากับทนายความเพื่อฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากผู้ต้องหาต่อไป
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ทำตามคำสั่งของนายทหารรายหนึ่งโดยเงินที่ได้รับมาจากกลุ่มผู้เสียหายได้นำไปใช้จ่ายจนหมดแล้ว โดยขณะนี้ตนก็ไม่ได้รับราชการทหารแล้วเนื่องจากขาดราชการเกินกำหนดเวลา ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (23 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผกก.1 บก.ป.และ พ.ต.ต.พุทธพงศ์ เมฆเอี่ยมนภา สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุม พ.ต.สุนทร สุขานุยุทธ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125/173 หมู่ 3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ อดีตนายทหารสังกัดกรมยุทธศึกษาทหารบก ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 947/2552 ลงวันที่ 10 กันยายน 2552 ข้อหาฉ้อโกง โดย จับกุมได้ที่บริเวณตู้ยามแหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายว่ารู้จักกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคนในกองทัพและสามารถพาเข้าให้เป็นนายหารสัญญาบัตรได้แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินการหัวละ 2-3 แสนบาท มีเหยื่อหลงเชื่อหลายรายรวมมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
ด้าน นางสุนันทา พินทะก่ำ อายุ 42 ปี อยู่เลขที่ 171 หมู่ 4 ต.ชัยชุมพล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้ต้องหาที่อ้างตัวว่าสามารถช่วยเหลือให้หลานชายของตน 2 คน เข้าเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ตามโควต้าของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นการเปิดรับภายในไม่ต้องสอบแข่งขัน แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นจำนวน 250,000 บาทต่อราย
“ฉันเห็นว่าช่องทางนี้สามารถช่วยเหลือหลานชายให้ได้เป็นนายทหารสมใจที่เขาใฝ่ฝัน จึงตกลงยินยอมจ่ายเงินให้กับผู้ต้องหาเป็นจำนวน 500,000 บาท แต่หลังจากเวลาผ่านมานานนับเดือนกลับไม่มีความคืบหน้าอย่างใด เมื่อสอบถามทางผู้ต้องหาก็ถูกผลัดเรื่อยมา เชื่อว่า น่าจะถูกหลอกลวงแน่นอน” นางสุนันทากล่าว
นางสุนันทากล่าวอีกว่า ในระยะหลังตนก็ไม่สามารถติดต่อกับผู้ต้องหาได้อีก ต่อมาจึงทราบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงด้วยพฤติการณ์คล้ายคลึงกันและได้นัดหมายรวมตัวกันเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต โดยผู้เสียหายรวมทั้งหมด 42 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 6,540,000 บาท และได้เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ป.กระทั่งทราบว่าทางตำรวจ บก.ป.สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ ซึ่งหลังจากนี้ตนจะปรึกษากับทนายความเพื่อฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากผู้ต้องหาต่อไป
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ทำตามคำสั่งของนายทหารรายหนึ่งโดยเงินที่ได้รับมาจากกลุ่มผู้เสียหายได้นำไปใช้จ่ายจนหมดแล้ว โดยขณะนี้ตนก็ไม่ได้รับราชการทหารแล้วเนื่องจากขาดราชการเกินกำหนดเวลา ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินคดีต่อไป