จำคุก 7 ปี หนุ่มเมืองเลย ลวง 4 สาวไทยพาไปทำงานร้านอาหาร ที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน อ้างได้ค่าตอบแทนสูง สุดท้ายบังคับค้ากามประเทศบาห์เรน
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยกาฝ่ายคดีอาญาเป็นโจทก์ฟ้องนายวีระศักดิ์ หรือทองอินทร์ มณีแสง อายุ 30 ปี ชาว อ.ปากชม จ.เลย เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นธุระจัดหาการค้าประเวณีเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2552 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ต.ค.- 8 พ.ย.2549 จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีได้สมคบกันเป็นธุระจัดหาออกอุบายหลอกลวง น.ส.แพนเค้ก (นามสมมติ) กับเพื่อนหญิงอีก 3 คน ผู้เสียหายให้ไปทำงานเป็นพนักเสิร์ฟ และทำความสะอาดในร้านอาหารไทย ที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน โดยอ้างว่าจะได้รับค่าตอบแทนสูง แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 150,000 บาท เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อยอมจ่ายค่าแนวหน้า และเดินทางไปทำงานจำเลยกับพวกกลับบังคับให้ผู้เสียหายค้าประเวณีแทน กระทั่งผู้เสียหายโทรศัพท์ติดต่อให้เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยที่ประเทศบาห์เรนช่วยเหลือส่งกลับประเทศ ต่อมาเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส.)ติดตามจับกุมจำเลยแจ้งข้อหาดำเนินคดีจำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่า เป็นคนงานที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศบาห์เรนเช่นเดียวกับผู้เสียหายไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า ผู้เสียหายต่างเบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอน ทั้งที่ไม่เคยรู้จัก หรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่น่าจะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายทั้งพฤติการณ์ของจำเลยที่ไปจัดทำหนังสือเดินทาง และไปส่งผู้เสียหายถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จึงมีลักษณะเป็นขบวนการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ ข้ออ้างของจำเลยลอยๆ ไม่น่าเชื่อถือ เชื่อว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283วรรคแรก ประกอบมาตรา 83, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 1, 6(1), 9 วรรคหนึ่ง, วรรคสอง, พ.ร.บ.ในการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ.2540 มาตรา 5, 7 วรรคหนึ่ง, วรรคสอง อันเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 283 วรรคแรก อันเป็นบทหนักสุด พิพากษาจำคุกจำเลย 7 ปี