หนุ่มใหญ่คลุ้มคลั่งบุกบ้านคนอื่นคว้ามีดปาดคอตัวเองดับสยอง สอบสวนพบมีประวัติเคยรักษาตัวโรคประสาท ตำรวจคาดอาการกำเริบจึงลงมือก่อเหตุ
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.อ.ประดิษฐ์ ปลายด่วน พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งเหตุชายถูกปาดคอเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 677/6 ซ.ประชาอุทิศ 61 แยก 2 ถ.ประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบ้านเดี่ยวมีรั้วรอบขอบชิด บริเวณประตูทางเข้าบ้านพบศพ นายชวลิต ครุตเนตร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/17 แขวงและเขตทุ่งครุ กทม. สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นลายสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด มีบาดแผลถูกปาดด้วยของมีคมที่ลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ ห่างจากศพ 2 เมตร พบมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดยาวประมาณ 1 ฟุต ตกอยู่เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวน นายสมภพ รอดผล อายุ 55 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ขณะที่ตนและครอบครัวนั่งดูโทรทัศน์อยู่ภายในบ้าน ระหว่างนั้นผู้ตายได้ปีนกำแพงรั้วบ้านเข้ามา ก่อนวิ่งมาที่ประตูบ้าน พร้อมทั้งร้องตะโกนว่า “ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้ว” ตนเห็นท่าไม่ดีเกรงว่าผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจึงได้ลุกขึ้นไปยันประตูไว้ไม่ให้ผู้ตายเข้ามาภายในบ้าน แต่เนื่องจากเป็นประตูมุ้งลวดจึงไม่สามารถต้านทานแรงของผู้ตายได้ในที่สุดประตูดังกล่าวก็พัง ผู้ตายจึงสามารถเข้ามาในบ้านได้
“หลังจากนั้นเมื่อเขาเข้ามาในบ้านได้ได้ก็วิ่งตรงไปคว้ามีดปลายแหลมซึ่งวางอยู่บนโต๊ะภายในห้องนั่งเล่น ผมเห็นท่าไม่ดีจึงได้ร้องเรียกให้คนที่อยู่ในบ้านหนีออกมาข้างนอก แต่ผู้ตายยังไม่ได้ตามออกมาด้วย พวกผมจึงรอดูสถานการณ์อยู่ด้านนอก รอประมาณ 2-3 นาที ผู้ตายได้ถือมีดเดินออกมาในสภาพเลือดโชกไปทั้งตัว มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ ระหว่างที่เดินออกมาได้ใช้มีดปาดคอตัวเองซ้ำๆ 2-3 ครั้ง เท่านั้นยังพอ ผู้ตายยังได้ใช้ด้ามที่ตักขยะกระทุ้งเข้าที่บาดแผลอีก 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะล้มฟุบกองกับพื้นและเสียชีวิตในที่สุด” นายสมภพกล่าว
ด้าน ร.ต.อ.ประดิษฐ์ กล่าวว่า จากการสอบถามญาติทราบว่าผู้ตายพักอยู่กับน้องชายภายในแฟลตของ กทม.ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่เกิดเหตุ โดยก่อนเกิดเหตุได้หายตัวไปจากห้องพัก ทั้งนี้ ผู้ตายมีประวัติเคยเข้ารักษาอาการทางประสาทจนอาการดีขึ้น คาดว่าอาการทางประสาทกำเริบจึงได้มาก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำส่งแผนกนิติเวชวิทยา รพ.ศิริราช เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป