นครบาลขยายผลจับแก๊งขนยาไอซ์ได้เพิ่มอีก 4 กก.มูลค่า 24 ล้าน คาหมู่บ้านสัมมากร หลังรวบหนุ่มตกงานขนยาไอซ์ 2 กก.ได้ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว สืบพบทำมาแล้ว 6 เดือน เงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 5 แสน เผยแก๊งนี้ขายยาไอซ์ไปแล้ว 34 กก. จับกุมครั้งนี้ครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี
วันนี้ (7 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.มันทาร อภัยวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ปกณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สืบสวน บก.น.4 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายสุธี แซ่ปิง หรือหนึ่ง ตรอกจันทร์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 1 ต.ม่วงหมู่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี นายสิทธิชัย หรือสิทธิ โชติเทวชพ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 265 ม.10 ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และนายเดชดำรงค์ หรือเจมส์ วิเชียร อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/2 ม.13 ต.พนม อ.พนม จ.สุราษฎ์ธานี พร้อมของกลาง ยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาว ห่อกระดาษฟอยล์พันด้วยเทปกาวสีน้ำตาล จำนวน 6 ห่อ น้ำหนัก 6 กิโลกรัม รถเก๋งโตโยต้ารุ่นวีออส หมายทะเบียน ศค-271 กทม. รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีดำ หมายเลขทะเบียน วร-1427 กทม. โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง กระเป๋าสะพายสีเขียว 2 ใบ ถุงพลาสติกที่ใช้ในการห่อยาเสพติดจำนวน 4 ใบ
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.น.4 รับแจ้งจากสายว่าจะมีการส่งมอบส่งยาเสพติดที่บริเวณลานจอดรถชั้น 1 เอ ห้างบิ๊กซี สาขาหัวหมาก ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ จึงนำกำลังไปดักซุ่ม จนกระทั่งเวลา 17.00 น.วานนี้ (6 ก.ย.) นายสุธีได้ขับรถเก๋งโตโยต้าวีออส สีเทา หมายทะเบียน ศค 2712 กทม.ออกจากบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม และตรวจค้นพบยาไอซ์ห่อด้วยกระดาษฟอยล์พันเทปกาวสีน้ำตาล 2 ห่อ ห่อละ 1 กิโลกรัม ซุกอยู่ท้ายรถเก๋ง นอกจากนี้พบว่า นายสิทธิชัย และนายเดชดำรงค์ เป็นผู้ขับคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล
ต่อมาเวลา 07.00 น.วันที่ 7 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า นายสิทธิชัย และนายเดชดำรงค์มาเช่าบ้านอยู่ที่บ้านพักเลขที่ 251/258 ม.3 หมู่บ้านสัมมากร แขวงและเขตสะพานสูง เพื่อเป็นที่เก็บซ่อนยาเสพติด จึงนำกำลังเฝ้าสังเกตุการณ์ จนกระทั่งนายสิทธิชัยและนายเดชดำรงค์ขับรถเก๋งหมายเลขทะเบียน วร-1427 กทม.มาจอดในบ้านพักหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมเข้าตรวจค้นภายในบ้านพัก พบยาไอซ์อีกจำนวน 4 มัด น้ำหนัก 4 กิโลกรัม จึงควบคุมตัวนำมาสอบสวน
จากการสอบสวนนายสุธีให้การรับสารภาพว่า หลังเรียนจบชั้นมัธยมก็ไปทำงานโรงงาน แต่ต่อมาโรงงานได้เลิกจ้างจึงตกงาน กระทั่งได้รู้จักนายเอก (ไม่ทราบนามสกุล) ที่สนามฟุตบอล นายเอกได้ชักชวนให้รับงานขนยาเสพติด แต่ตนไม่ทราบมาก่อนว่ายาที่อยู่ภายในรถนั้นเป็นยาไอซ์จำนวนมากเช่นนี้ คิดว่าเป็นยาบ้า ซึ่งทุกครั้งที่มีการนัดส่งยาจะมีคนนำรถยนต์มาจอดไว้ตามสถานที่ต่างๆ ก่อนจะมีโทรศัพท์โทรเข้ามาบอกให้ไปที่รถเพื่อขับนำยาไปส่งให้ลูกค้า
นายสุธีให้การต่อว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ตนก็มาที่ห้างดังกล่าวเพื่อจะขับรถไปส่งยา แต่ขณะที่เข้าไปในรถและกำลังหากุญแจที่ซ่อนอยู่ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว ซึ่งครั้งนี้ทำเป็นครั้งที่ 2 ได้ค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท เงินที่ได้ก็นำไปใช้จ่ายจุนเจือครอบครัว และตนเองก็เคยได้ยินเหมือนกันว่า ถ้าครอบครองยาเสพติดเป็นจำนวนมาก จะมีโทษถึงประหารชีวิต แต่ครั้งนี้ที่ถูกจับกุมตนไม่คิดว่า จะมียาเสพติดมากขนาดนี้ ก็รู้สึกเสียใจ แต่ตนก็ขอรับผิด
ด้าน พ.ต.อ.พชร บุญญสิทธิ์ รอง ผบก.น.4 กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทำมาแล้วประมาณ 6 เดือน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 4-5 แสนบาท ในการส่งยาแต่ละครั้งนายเอกจะเป็นผู้รับงานมาให้ จะมีการซื้อรถไว้สำหรับขนยาโดยเฉพาะ เมื่อเสร็จงานแต่ละครั้งก็จะเปลี่ยนรถคันใหม่ แต่จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมด คาดว่าผู้ต้องหาอาจเป็นเจ้าของยาเอง นอกจากนี้ พบว่าผู้ต้องหารับจ้างส่งยามาแล้ว 6 ครั้ง จะทำเดือนละประมาณ 1 ครั้ง และเคยได้ค่าจ้างสูงสุด 4 แสนบาท ส่วนของกลางที่จับได้ทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 24 ล้านบาท
ด้าน พ.ต.อ.มันทาร เปิดเผยว่า สำหรับการจับกุมดังกล่าวเป็นการจับกุมยาเสพติดครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี และจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาขนยาบ้ามาจำนวน 400,000 เม็ด และยาไอซ์มาจำนวน 40 กิโลกรัม และมีการจำหน่ายยาไอซ์ไปแล้ว 34 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
รวบหนุ่มตกงานขนยาไอซ์กว่า 2 กิโล!
