“เสี่ยป๊อด” ปอดแหก! ซุกตัวในห้องทำงาน หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลผิดอาญา-วินัยร้ายแรง สลายชุมนุมพันธมิตรฯ 7 ตุลาเลือด ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย ระบุ เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว ผู้ที่ถูกกล่าวหาต้องพ้นสภาพการปฏิบัติหน้าที่ทันที โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องส่งเรื่องไปให้ต้นสังกัด และส่งให้นายกรัฐมนตรีลงโทษใน 30 วัน ชี้ มี 2 ทางเลือก “ปลดออก-ไล่ออก”
วันนี้ (7 ก.ย.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรงกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ถือเป็นความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น บรรดาข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกหน่วยงานต่างวิพากวิจารณ์ถึงการชี้มูลความผิด มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท นั้น ยังคงเก็บตัวเงียบท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึมอยู่ในห้องทำงานชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตลอดทั้งวันของวันนี้ไม่มีหมายออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกแต่อย่างใด ท่ามกลางการรอคอยของสื่อมวลชนจำนวนมากที่ถูกจำกัดพื้นที่ให้เข้าไปได้เฉพาะห้องโถงชั้นล่างของตัวอาคารเท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลคอยตรวจตราบุคคลเข้าออกและขึ้นลงอาคารอย่างต่อเนื่องจะอนุญาตได้เฉพาะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เท่านั้น
ด้านที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ระบุว่า เมื่อ ป.ป.ช.มีการชี้มูลความผิดอาญาและวินัยร้ายแรงแล้วนั้น นายตำรวจผู้ที่ถูกกล่าวหาต้องพ้นสภาพการปฏิบัติหน้าที่ในทันที แต่ตามระเบียบขั้นตอนแล้ว เมื่อมีการชี้มูลความผิดดังกล่าว ทาง ป.ป.ช.จะส่งหนังสือการชี้มูลความผิดไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของนายตำรวจทั้ง 2 ซึ่งกรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท นั้น จะส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรี ภายใน 3-7 วัน จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการลงโทษภายใน 30 วัน หลังจากได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.ซึ่งมี 2 ทางเลือก คือ ปลดออกจากราชการ หรือไล่ออกจากราชการ ซึ่งต้องพ้นสภาพในทันที
