“วีระ” ส่งทนายฟ้อง “มาร์ค” กับ ครม.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ออก พ.ร.บ.ความมั่นคง อ้างกีดกันสิทธิการชุมนุมเสื้อแดง 30 ส.ค.นี้ ศาลนัดไต่สวน 26 ต.ค.นี้ ขณะเดียวกัน ฟ้องแพ่งนายกฯ อีกคดี ละเมิดสิทธิประชาชนในการชุมนุม หลังประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ
วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มอบอำนาจให้ นายสุวัฒน์ จันทร์แก้ว ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับคณะรัฐมนตรี รวม 36 คน เป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณี เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2552 จำเลยทั้ง 36 คนในฐานะ ครม.ร่วมกันประชุมและมีมติอนุมัติให้ปฏิบัติใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ภายในเขตดุสิต กทม.ตามข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จำเลยที่ 2 โดยให้มีผลระหว่างวันที่ 29-1 ก.ย.52 เพื่อประสงค์ไม่ให้โจทก์และประชาชนเข้าออก และใช้เส้นทางคมนาคมในบริเวณดังกล่าว อันเป็นการปราบปราม และระงับการชุมนุมของแนวร่วม นปช.ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ และเป็นการจำกัดสิทธิ์การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 63
นอกจากนี้ พวกจำเลยยังได้ออกข้อกำหนด มาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว อันเป็นการจำกัดสิทธิ์ ในพื้นที่เขตดุสิต ห้ามกระการต่างๆ รวม 5 ข้อ และยังให้อำนาจกองอำนวยการรักษาความมั่นคง เคลื่อนกำลัง เพื่อดำเนินการปราบปรามประชาชน ทั้งที่บัดนี้ยังไม่มีเหตุใดส่อไปในทางมีภัย หรือให้เกิดอันตราย แก่ชีวิตร่างกายทรัพย์สิน การใช้อำนาจของพวกจำเลย ไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย พ.ร.บ.ดังกล่าวจึงต้องเป็นโมฆะ ตามแนวคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2551 เหตุเกิดที่ ทำเนียบรับบาล ถ.พิษณุโลก แขวงและเขตดุสิต กทม.ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 26 ต.ค.นี้ เวลา 13.00 น.
ในวันเดียวกัน ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เวลา 16.30 น. นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย รับมอบอำนาจนายจตุพงศ์ ขวานทอง อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 41/71 ม.3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. หนึ่งในผู้ที่จะร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย เรื่องละเมิด ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อกำหนด และ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่ คณะรัฐมนตรี ( ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคง ฯ พื้นที่เขตดุสิต กทม. ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 1 ก.ย.นี้ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ นปช. นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ณ ท้องสนามหลวง เนื่องจากเห็นว่า พ.ร.บ. ดังกล่าวออกประกาศโดยมิชอบ และเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
โดยศาลแพ่งรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 5060/2552 และนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 2 พ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.
ขณะที่นายพิชา กล่าวว่า หลังจากที่รับมอบอำนาจ นายจตุพงศ์ ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองแล้วในวันเดียวกันนี้ ก็ได้มาใช้สิทธิ์ฟ้องคดีแพ่งนี้อีกสำนวนหนึ่ง โดยการฟ้องไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลแพ่งไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อระงับการประกาศใช้ พระราชบัญญัติแต่อย่างใด เพราะเห็นว่าคงจะดำเนินการไม่ทันเวลาของการนัดชุมนุมวันที่ 30 ส.ค.นี้ แต่หวังว่าการฟ้องคดีจะเป็นคดีตัวอย่างในประวัติศาสตร์ว่า การประกาศใช้พระราชบัญญัตินั้นไม่ชอบอย่างไร และมั่นใจว่าการฟ้องคดีนี้จะไม่เป็นการฟ้องที่มีลักษณะซ้ำซ้อนกับคดีที่ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุด เพราะตามกฎหมายบัญญัติให้ผู้เสียหายที่ถูกละเมิดยื่นฟ้องคดีศาลยุติธรรมได้
วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มอบอำนาจให้ นายสุวัฒน์ จันทร์แก้ว ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับคณะรัฐมนตรี รวม 36 คน เป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณี เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2552 จำเลยทั้ง 36 คนในฐานะ ครม.ร่วมกันประชุมและมีมติอนุมัติให้ปฏิบัติใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ภายในเขตดุสิต กทม.ตามข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จำเลยที่ 2 โดยให้มีผลระหว่างวันที่ 29-1 ก.ย.52 เพื่อประสงค์ไม่ให้โจทก์และประชาชนเข้าออก และใช้เส้นทางคมนาคมในบริเวณดังกล่าว อันเป็นการปราบปราม และระงับการชุมนุมของแนวร่วม นปช.ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ และเป็นการจำกัดสิทธิ์การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 63
นอกจากนี้ พวกจำเลยยังได้ออกข้อกำหนด มาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว อันเป็นการจำกัดสิทธิ์ ในพื้นที่เขตดุสิต ห้ามกระการต่างๆ รวม 5 ข้อ และยังให้อำนาจกองอำนวยการรักษาความมั่นคง เคลื่อนกำลัง เพื่อดำเนินการปราบปรามประชาชน ทั้งที่บัดนี้ยังไม่มีเหตุใดส่อไปในทางมีภัย หรือให้เกิดอันตราย แก่ชีวิตร่างกายทรัพย์สิน การใช้อำนาจของพวกจำเลย ไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย พ.ร.บ.ดังกล่าวจึงต้องเป็นโมฆะ ตามแนวคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2551 เหตุเกิดที่ ทำเนียบรับบาล ถ.พิษณุโลก แขวงและเขตดุสิต กทม.ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 26 ต.ค.นี้ เวลา 13.00 น.
ในวันเดียวกัน ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เวลา 16.30 น. นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย รับมอบอำนาจนายจตุพงศ์ ขวานทอง อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 41/71 ม.3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. หนึ่งในผู้ที่จะร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย เรื่องละเมิด ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อกำหนด และ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่ คณะรัฐมนตรี ( ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคง ฯ พื้นที่เขตดุสิต กทม. ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 1 ก.ย.นี้ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ นปช. นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ณ ท้องสนามหลวง เนื่องจากเห็นว่า พ.ร.บ. ดังกล่าวออกประกาศโดยมิชอบ และเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
โดยศาลแพ่งรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 5060/2552 และนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 2 พ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.
ขณะที่นายพิชา กล่าวว่า หลังจากที่รับมอบอำนาจ นายจตุพงศ์ ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองแล้วในวันเดียวกันนี้ ก็ได้มาใช้สิทธิ์ฟ้องคดีแพ่งนี้อีกสำนวนหนึ่ง โดยการฟ้องไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลแพ่งไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อระงับการประกาศใช้ พระราชบัญญัติแต่อย่างใด เพราะเห็นว่าคงจะดำเนินการไม่ทันเวลาของการนัดชุมนุมวันที่ 30 ส.ค.นี้ แต่หวังว่าการฟ้องคดีจะเป็นคดีตัวอย่างในประวัติศาสตร์ว่า การประกาศใช้พระราชบัญญัตินั้นไม่ชอบอย่างไร และมั่นใจว่าการฟ้องคดีนี้จะไม่เป็นการฟ้องที่มีลักษณะซ้ำซ้อนกับคดีที่ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุด เพราะตามกฎหมายบัญญัติให้ผู้เสียหายที่ถูกละเมิดยื่นฟ้องคดีศาลยุติธรรมได้
