เลื่อนสั่งคดี “6 ตร.สภ.ศรีอยุธยา-ตำรวจชุมชน” ร่วม ตร.สภ.อุทัย ช็อตไข่ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ เหตุต้องรอผลดีเอสไอสอบเพิ่มเติม หลังผู้เสียหาย อ้างชี้ตัวเจ้าหน้าที่ผิด อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เผย หากผลสอบพบพิรุธ ผู้เสียหายเปลี่ยนคำให้การช่วยเหลือผู้ต้องหามีความผิด ส่วน 6 ตำรวจมีสิทธิ์ถูกฟ้องหากหลักฐานชัดทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาจริง
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 นัดสั่งคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมจับกุมทำร้ายร่างกาย ช็อตอวัยวะเพศผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเดือน พ.ย.47 ที่ พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผินแสง, ด.ต.วินัย คำแพง, ด.ต.ประนอม มีช่อ, นายสมโชค สุขสมวัฒน์, นายสามารถ ผอบจันทร์ และนายปราโมทย์ สุมังคละกุล ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าตำรวจ และตำรวจชุมชน สภ.พระนครศรีอยุธยา ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-6 ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ทำร้ายร่างกาย นายเอกวัด ศรีมันตะ อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยของสมาคมอยุธยารวมใจ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ เพื่อให้รับสารภาพ
นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวว่า เนื่องจาก สำนวนดังกล่าวสืบเนื่องจากคดี 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ตกเป็นผู้ต้องหาฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย นายเอกวัด จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และเป็นการกระทำโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายด้วยการช็อตไฟฟ้าที่อวัยะเพศ โดยเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา นายเอกวัด ผู้เสียหายได้ยื่นส่งหนังสือแจ้งอัยการ อ้างว่าในการชี้ตัวในคดีที่ถูกทำร้ายร่างกายนายเอกวัด โดยการชี้ตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาคลาดเคลื่อนไป ซึ่งอัยการได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบเพิ่มเติมประเด็นดังกล่าว ในสำนวนที่ 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ตกเป็นผู้ต้องหา โดยขณะนี้อัยการยังไม่ได้รับผลสอบสวนเพิ่มเติม ดังนั้นจึงทำให้พิจารณาสั่งคดีเจ้าหน้าตำรวจและตำรวจชุมชน สภ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่ได้เช่นกัน จึงเลื่อนการนัดฟังคำสั่งออกไปเป็นวันที่ 30 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวด้วยว่า เมื่อผู้เสียหายมีหนังสือแจ้งมาลักษณะกลับคำยืนยันก็จำเป็นต้องสอบให้ได้ข้อเท็จจริงชัดเจนว่า มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกล่าวเท็จหรือไม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ร้องขอความเป็นธรรมว่าบางคน ไม่ได้ร่วมเหตุการณ์ที่มีการกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกาย ดังนั้น หากพยานหลักฐานในคดีไม่ครบถ้วนชัดเจน มีปัญหาเรื่องการกลับคำการชี้ตัวยืนยันของนายเอกวัดก็จะส่งผลในการยื่นฟ้องคดีได้ การสอบสวนเพิ่มเติมจึงต้องให้ได้ข้อเท็จจริง มีหลักฐานยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายจริง อัยการจึงจะสามารถสั่งฟ้องได้ และหากพบว่าคำกล่าวอ้างเรื่องการชี้ตัวผิดของนายเอกวัด เป็นเรื่องโกหกเพื่อต้องการช่วยเหลือผู้ต้องหา อัยการจะแจ้งให้ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนตั้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีนายเอกวัดอีก ซึ่งคดีชิงทรัพย์ที่นายเอกวัดตกเป็นผู้ต้องหานั้นทราบข่าวว่า มีการฟ้องคดีและศาลมีคำพิพากษาลงโทษไปแล้ว