xs
xsm
sm
md
lg

จับ “ซูโม่ตุ๋ย” หน้าแดงก่ำ-กลิ่นเหล้าคลุ้ง ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจต้องจับนายอรุณ ภาวิไล หรือ ซูโม่ตุ๋ยใส่กุญแจมือใส่กุญแจมือหลังโวยวายไม่เลิก
“ซูโม่ตุ๋ย” อรุณ ภาวิไล ขับเก๋งกลับบ้านกลางดึก เจอด่านตรวจแอลกอฮอล์ของ สน.มักกะสัน ออกอาการโวยวายด่าตำรวจ-ปัดเครื่องเป่ากระเด็น ยืนกรานไม่ยอมเป่าท่าเดียว สุดท้ายต้องจับใส่กุญแจมือคุมตัวมาโรงพัก พอเจ้าตัวเห็นพนักงานสอบสวนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันถึงอารมณ์เย็นลง แต่ยังอ้อนวอนให้ปล่อยตัว อ้างคดีตัวอย่างมีเยอะแล้ว ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา คือ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานกับฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ให้มีการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์



เมื่อเวลา 03.10 น.วันนี้ (25 ส.ค.) ขณะที่ ร.ต.ท.ธนกร พิมพ์ชัย รอง สว.จร.สน.มักกะสัน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจราจร สน.มักกะสัน กำลังตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์อยู่บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม ฝั่งตรงข้าม “โนอาร์” อาบอบนวด แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีดำ หมายเลขทะเบียน ษข-9416 กทม. ขับผ่านเข้ามา เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อทำการตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว

เมื่อคนขับลงมาจากรถคันดังกล่าวก็ปรากฏว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนายอรุณ ภาวิไล หรือ ซูโม่ตุ๋ย ดารานักแสดงชื่อดัง อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 417/149 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง แต่งกายสวมเสื้อเชิ้ตลายสกอตสีแดง นุ่งกางเกงขายาวสีดำ อยู่ในสภาพใบหน้าแดงก่ำ มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั่ว เจ้าหน้าที่จึงให้นายอรุณทำการเป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าตัวกลับแสดงอาการฉุนเฉียว โวยวายเจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านตรวจ และเมื่อเจ้าหน้าที่ยื่นเครื่องเป่าให้เจ้าตัวก็ยังปัดเครื่องเป่าจนกระเด็น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจับกุมตัวใส่กุญแจมือเอาไว้

แต่นายอรุณก็ยังโวยวายด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลาว่า “กูจะกลับบ้าน กูไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใครเลย โกรธโคตรๆ รังแกคนอื่นที่ไม่มีปาดเสียงได้ แต่กับกู กูไม่ยอม มาจับผมทำไม ผมผิดอะไร ผมไม่ได้เมา” พร้อมทั้งไล่ตำรวจให้ไปจับโจร เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นนายอรุณอ้างว่าไม่ได้เมาก็จะให้นายอรุณเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่ามีสิทธิอะไรมาบังคับตน

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจากับนายอรุณอยู่นานก็ไม่เป็นผล ทำให้ต้องควบคุมตัวขึ้นรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่ สน.มักกะสัน ก่อนส่งให้ พ.ต.ท.ปกรณ์ ภาวิไล พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.มักกะสัน ทำการสอบปากคำ ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงโรงพักก็พบนายอรุณยังพยายามบอกให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถอดกุญแจมือออก พร้อมโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ว่า “ผมผิดอะไร ผมอายุเท่าไรแล้ว ผมไม่ใช่เด็กนะ อายุจะ 50 แล้ว มาเอากุญแจมือออกเร็ว ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ ลูกเมียผมใครจะดูแล พวกคุณมาทำกับผมอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าคุณทำกับผมอย่างนี้ ผมจะเข้าพบคุณสรยุทธ พิธีกรช่อง 3 เพื่อเล่นงานพวกคุณ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเห็นนายอรุณมีสภาพใบหน้าแดงก่ำและมีกลิ่นแอลกอฮอล์จึงเข้าไปสอบถามนายอรุณว่าดื่มเหล้ามาหรือไม่ นายอรุณก็ตะโกนขึ้นว่า “ดื่ม” ดังลั่นโรงพัก ก่อนพูดต่อว่า “ผมไปกินเลี้ยงมา แล้วก็ขับรถกลับบ้าน ก็มาเจอด่านตรวจ ก็เป็นเรื่อง” ทั้งนี้ เมื่อ พ.ต.ท.ปกรณ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเห็นนายอรุณยังโวยวายไม่หยุดก็เลยเข้าไปพูดคุย พร้อมกับยอมถอดกุญแจมือให้ และให้นายอรุณเข้าไปสงบสติอารมณ์อยู่ภายในห้องพนักงานสอบสวน

เมื่อนายอรุณเห็นว่า พ.ต.ท.ปกรณ์ เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องของตัวเองจึงทำให้อารมณ์เย็นและมีท่าทีอ่อนลง ก่อนจะขอตัวออกมายืนสูบบุหรี่หน้าโรงพัก แต่เจ้าตัวก็ยังอ้อนวอนให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวไป และขอร้องผู้สื่อข่าวว่าอย่านำเสนอข่าวเพราะไม่อยากกรณีตัวอย่าง เนื่องจากคดีตัวอย่างมีเยอะแล้วแต่ไม่ใช่กรณีของตน

ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า ตนเป็นญาติห่างๆ มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และจะเจอกันในงานรวมญาติปีละครั้งแค่นั้น ซึ่งนายอรุณเองคงจำตนเองไม่ได้ แต่ตนจำนายอรุณได้เพราะเป็นนักแสดงดัง สำหรับกรณีนี้หากนายอรุณไม่ยอมเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ก็เป็นสิทธิของเจ้าตัว ตนก็จะดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีการช่วยเหลือกัน เพียงแต่จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้นายอรุณรับสารภาพ และอำนวยความสะดวกให้ในเรื่องของการประกันตัวเท่านั้น โดยจะตั้งหลักทรัพย์ประกันตัวไว้ที่ 20,000 บาท

พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวด้วยว่า หากผู้ต้องหาจะไม่ยอมรับโทษในส่วนของการเมาแล้วขับนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะถึงแม้ว่าโทษของการฝ่าฝืนคำสั่งไม่ยอมรับการตรวจวัดแอลกอฮอล์แม้จะมีแค่โทษปรับ แต่นายอรุณมีข้อหาต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อีกข้อหา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ซึ่งหนักกว่าโทษจำของคดีเมาแล้วขับที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งหากผู้ใดก็ตามที่ไม่ยอมรับการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของทางเจ้าหน้าที่ก็มักจะโดนข้อหาต่อสู้ขัดขืนฯ ที่มีโทษหนักพ่วงไปด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาต่อนายอรุณ 2 ข้อหา คือ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ให้มีการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยนายอรุณได้ทำเรื่องขอประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงตั้งหลักทรัพย์ในประกันตัว 20,000 บาท ก่อนจะนัดส่งฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือในเช้าวันที่ 26 ส.ค.ต่อไป
นำตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก
โวยวายกับตำรวจให้ถอดกุญแจมือออก
ขอตัวมาสูบบุหรี่
รถเก๋งโตโยต้า อัลติส ของนายอรุณ
กำลังโหลดความคิดเห็น