“พีระพันธ์” ยังไม่เห็นเรื่องถวายฎีกาช่วย “พ่อแม้ว” ขอเช็กความชัดเจนก่อนตอบลงลึก เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนคาบเกี่ยวร้องทุกข์กับอภัยโทษ ส่วนรถซาฟิร่า “วรวุฒิ” นำไปใช้ ได้สั่ง “ทวี” ตรวจสอบใหม่
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่โรงแรมทีเค พาเลซ ถนนแจ้งวัฒนะ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงยื่นถวายฎีกา ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ว่า ยังไม่เห็นเรื่อง ไม่รู้ว่าเรื่องส่งมาถึงกระทรวงแล้วหรือยัง ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วจะต้องตรวจสอบหลายอย่างให้ชัดเจนก่อน ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาดูแลหรือไม่นั้น ต้องขอดูอีกที ซึ่งที่ผ่านมาในเรื่องทั่วไป โดยปกติแล้วจะมีการพิจารณาตามขึ้นตอน และคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในกรณีนี้จะต้องตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน ว่าเป็นเรื่องในลักษณะใดและจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตาม จะให้ฝ่ายใดในกระทรวงยุติธรรมดูแลคงตอบอะไรตอนนี้ยังไม่ได้ เพราะเรื่องเช่นนี้ยังไม่เกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเรื่องปกติที่ผ่านมา ทางกรมราชทัณฑ์จะส่งเรื่องถึงกระทรวง โดยจะเป็นเรื่องร้องทุกข์ และเรื่องอภัยโทษ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเรื่องถวายฎีกาของกลุ่มเสื้อแดงถูกส่งไปถึงกระทรวงแล้วหรือยัง ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน
“ผมขอเห็นรายละเอียดก่อนพูดไปจะดีกว่าเดี๋ยวมันจะผิดพลาด เมื่อเห็นแล้วจะให้สัมภาษณ์อีกที เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมีความคาบเกี่ยวกับการร้องทุกข์ และเรื่องเกี่ยวกับอภัยโทษ จึงจำเป็นต้องดูให้ละเอียดก่อนจะดำเนินการไปแบบไหน ซึ่งของกลุ่มเสื้อแดงก็ไม่มีกำหนดกรอบเวลาไว้ว่าเมื่อใด ซึ่งถ้าเป็นเรื่องปกติจะมีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 45-60 วัน” นายพีระพันธ์ กล่าว
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา ในเรื่องปกติ ตนจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งต้องดูให้รอบคอบให้แล้วเสร็จก่อนส่งต่อไปให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งต่อให้สำนักพระราชวังพิจารณาต่อ ส่วนในเรื่องถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง ในที่ประชุม ครม.ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ เพียงแต่ได้หารือเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายของกระทรวง
นอกจากนี้ นายพีระพันธ์ กล่าวถึงกรณีรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟิร่า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ศว 8051 กทม.ที่ยึดได้จากบ้านแม่ยายของ ส.ต.ท.วรวุติ มุ่งสันติ ตำรวจ บช.ปส.ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายในซอยลาดปลาเค้า 72 และได้อายัดไว้ ซึ่งมีรายงานว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถของกลางในคดียาเสพติด ที่ดีเอสไอ ขยายผลตรวจยึดมา เสร็จแล้ว ส.ต.ท.วรวุฒิ นำมาใช้ก่อนจะถูกออกหมายจับกุมนั้น ว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปตรวจสอบใหม่ พร้อมยืนยันว่า ในกระทรวงยุติธรรมไม่มีการดักฟังโทรศัพท์แล้ว เพราะเครื่องดักฟังมันเจ๊ง ซึ่งขอย้ำว่าไม่มีแน่นอน