xs
xsm
sm
md
lg

หลากยุทธวิธีปลีกย่อยป้องกันแก๊งปาหิน !

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


เป็นที่วิตกกังวลไม่น้อย สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามถนนสายเปลี่ยวต่างจังหวัด ที่"แก๊งปาหิน" อาละวาดไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ถนนสายหลักของประเทศ ล่าสุด พฤติกรรม"ภัยสังคม" เกิดขึ้นบนถนนเพชรเกษม 1 ใน 4 ถนนสายหลักของประเทศ ระหว่างรอยต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับจังหวัดชุมพร ที่ทั้งตำรวจทางหลวง และตำรวจในพื้นที่ ได้เร่งระดมกำลังสืบสวนควานล่าตัวแก๊งปาแก๊งเหล่านี้ รวมถึงการป้องกันปราบปรามจากหลายฝ่ายที่เข้ามาช่วยดำเนินการ เพื่อมิให้เกิดเหตุกับผู้ใช้รถใช้ถนนอีก

แต่กระนั้นก็ตาม แก๊งปาหินก็ยังคงออกปฏิบัติการอย่างชนิดที่ไม่เกรงกลัวกฏหมาย ซ้ำร้าย ยังกลับกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ ที่ถือเป็น"ภัยสังคม" ชนิดอันตรายร้ายแรง เพราะในอดีต ก็ปรากฏเป็นข่าวว่า เหยื่อผู้ประสบเหตุ ไม่ใช่แค่เพียงสูญเสียทรัพย์สินเท่านั้น แต่บางรายถึงกับต้องสังเวยชีวิต ชนิดที่พวกเขาและคนทำ ไม่ได้เคยรู้จัก หรือมีเรื่องเคืองแค้นกันมาก่อน

มีข้อพึงปฏิบัติ อันเป็นวิธีการป้องกันแก๊งปาหิน ซึ่งผู้ปรารถนาดี ได้ส่งต่อกันมาทางจดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่น่าสนใจ และน่าจะนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อย เป็นการ"กันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าแย่คงแก้ไม่ทัน" ดังนี้

1.หากมีกำลังทรัพย์ อาจติดฟิล์มกรองแสงชนิดใสที่กระจกหน้าทั้งบาน ซึ่งมีประโยชน์นอกจากกันความร้อนแล้ว ฟิล์มยังช่วยดูดซับแรงกระแทกจากก้อนหินที่มากระทบได้ดี ด้วย

2.ส่วนใหญ่การปาหิน มักเกิดขึ้นตอนกลางคืนบนถนนสายเปลี่ยวและมืด หากขับรถผ่านถนนที่มีลักษณะดังกล่าว ควรเปิดไฟสูง (เมื่อมีโอกาส) เพื่อสอดส่องดูว่า มีรถจักรยานยนต์กำลังขับขี่สวนทางมาหรือไม่ เนื่องจากคนร้ายมักซ้อยท้ายรถจยย. ที่ไม่เปิดไฟหน้า หากเปิดไฟสูง นอกจากจะช่วยให้มองเห็นคนร้ายแล้ว ยังจะช่วยบดบังสายตาของคนร้ายได้ด้วย (ทำให้คนร้ายตาพร่าจากแสงไฟ) นอกจากนั้น ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูงบนถนนที่มีลักษณะนี้ ให้ระวังทางโค้งมากเป็นพิเศษ เพราะคนร้ายมักใช้ทางโค้งเป็นจุดดักซุ่มรอ

3.หากสังเกตุเห็นว่ามีรถ จยย. กำลังขับขี่สวนทางมา ควรรีบชลอความเร็วและเปลี่ยนช่องการจราจรให้ออกห่างจากรถจยย.ดังกล่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร และถนนเส้นน้นๆ) ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้ ให้ลดความเร็วให้เหลือเพียง 40 – 60 พร้อมกับเปิดสัญญาณไฟกระพริบเพื่อเตือนรถที่ตามหลังมาว่า กำลังจะชลอตัว ความเร็วยิ่งช้าเท่าไร ความแรงของก้อนหินที่มากระทบรถก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น

4. หากรถถูกปาหินใส่ได้รับความเสียหายแล้ว อย่าจอดรถในบริเวณนั้นทันที เพราะคนร้ายอาจตามมาปล้นทรัพย์สิน โดยพยายามประคองรถช้าๆไปจนกว่าจะพบผู้คนและเข้าไปขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งตำรวจในทันที

5.มีข้อพึงระวังในการเปิดใช้ไฟสูงคือ เมื่อเห็นแสงไฟของรถที่สวนมา หรือไฟท้ายรถคันหน้า ให้รีบลดไฟสูงลงเป็นไฟต่ำในทันทีที่เห็นแสงไฟนั้น โดยไม่ต้องรอให้รถคันนั้นมาใกล้รถเราก่อน จึงจะลดเป็นไฟต่ำ นอกจากนี้ ไม่ควรใช้ไฟหน้าแบบแสงสว่างจ้า หรือไฟซีนอน เพราะทำให้เป็นที่รำคาญและอันตรายสำหรับรถที่สวนมา หรือรถที่แล่นอยู่ข้างหน้าเรา สิ่งเล็กๆน้อยเหล่านี้ ก็จะช่วยป้องกันแก๊งปาหิน ในข้อหา"หมั่นไส้"ได้

สุดท้ายแล้ว การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางมืดและเปลี่ยว และขับรถอย่างมีมรรยาท อย่าแซงในที่คับขัน ซึ่งอาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แก๊งปาหินโกรธและไล่ตามไปดักรอข้างหน้า โดยที่เราไม่รู้ตัวได้

อย่างไรก็ตาม การปราบปรามแก๊งปาหิน คงต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจทั้งตำรวจพื้นที่ และตำรวจทางหลวง ในการดำเนินการอย่างจริงจัง ให้เป็นตัวอย่าง ไม่ให้แก๊งปาหินออกมาอาละวาด สร้างความหวั่นวิตก ให้กับสุจริตชนอีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น