“วิเชียร” เตรียมขออำนาจ ก.ตร.จัดการโผแต่งตั้งนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว.ที่เป็นปัญหา หลังนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ “พัชรวาท” ลงไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุ ประชาชนเดือดร้อนที่เหล่าสีกากีเกียร์ว่าง มัวแต่วุ่นวายเกี่ยวกับโผแต่งตั้ง คดีอาชญากรรมจึงผุดเป็นดอกเห็ด ย้ำ การแต่งตั้งจะเป็นการปรับเกลี่ยตำแหน่งให้ได้รับความเป็นธรรมทุกฝ่าย แต่หากไม่เป็นที่ถูกใจหรือขัดใจนักการเมือง อย่ามาว่ากัน
วันนี้ (11 ส.ค.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า ทราบว่า ได้มีคำสั่งจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้รักษาการ ผบ.ตร.ในวันที่ 12-18 สิงหาคม เมื่อได้รับคำสั่งจะเรียกประชุมข้าราชการตำรวจระดับ ผบช.ขึ้นไป เข้ามารับฟังนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการประชุมระดับ ผบช.ขึ้นไป ได้ทิ้งมานาน 2 เดือนแล้ว ทำให้ไม่ได้พูดคุยกัน ไม่ได้ทราบปัญหาอุปสรรคในการทำงาน ไม่ได้กำชับเร่งรัด ผบช.หน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ ทั้ง บช.น.และ บช.ภ.1-9 จนทำให้มีจำนวนคดีอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับชีวิตร่างกาย และทรัพย์สิน รวมทั้งคดีที่มีการเลียนแบบอย่างคดีปาหินที่มีเกิดขึ้นรายวัน นโยบายของนายกรัฐมนตรีต้องการให้ รอง ผบ.ตร.ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ ผบช.ที่รับผิดชอบหน่วยเข้าไปตรวจสอบ เร่งรัดและติดตามคดีสำคัญที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ไม่ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เกียร์ว่าง ไม่สนใจทำหน้าที่ของตำรวจ มัวแต่มาวุ่นวายกับคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ จนทำให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า กรณีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รอง ผบก.ลงมา เชื่อว่า การประชุม ก.ตร.วันที่ 13 สิงหาคม จะได้มีการหารือในเรื่องคำสั่งแต่งตั้ง รอง ผบก.ลงมาตามโครงสร้างใหม่ เพื่อให้ได้ยุติ คิดว่า น่าจะมีการเลื่อนคำสั่งแต่งตั้งออกไปให้มีผลในวันที่ 1 ตุลาคม เพื่อให้ ผบ.ตร.คนใหม่เป็นผู้จัดทำบัญชี และไม่ทำให้เสียอาวุโสในการแต่งตั้งโยกย้าย แต่หาก ก.ตร.จะให้มีคำสั่งเลื่อนไปมีผลในวันที่ 1 กันยายน และให้อำนาจตนเองเป็นผู้จัดทำบัญชีจะไม่มีการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น จะใช้การปรับเกลี่ยตำแหน่งจริงๆ อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจหรือขัดใจนักการเมืองมาว่ากันไม่ได้ ต้องพูดคุยกัน ส่วนตำแหน่งที่ต้องเลื่อนสูงขึ้นจะไปทำครั้งเดียวในคำสั่งแต่งตั้งประจำปีเดือนตุลาคม ซึ่งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาจัดทีมทำงาน
พล.ต.อ.วิเชียร ยังกล่าวถึงสถานการณ์ชุมนุมประท้วงและยื่นถวายฎีกา ว่า ตำรวจต้องพยายามขอร้องทุกฝ่ายไม่ให้มีการเคลื่อนไหวที่จะทำให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง โดยเฉพาะการยื่นหนังสือถวายฎีกา เป็นเรื่องที่มิบังควรอย่างยิ่ง ได้มีหนังสือสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นกำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ปัญหาที่เกิดเป็นเรื่องการเมืองต้องแก้ที่ฝ่ายการเมือง เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช้ออกมากดดันแบบนี้เป็นการมิบังควร ซึ่งต้องพูดในฐานะข้าราชการแท้จริง ทำงานถวายพระองค์ท่าน ทำเพื่อปกป้องสถาบัน กฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน เป็นหน้าที่ปวงชนพิทักษ์ รักษา เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องถือเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“พัชรวาท” เตรียมบินล่องใต้
วันเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้เดินทางออกจากบ้านพักย่านโชคชัย 4 เพื่อไปลงนามถวายพระพร เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่พระบรมมหาราชวัง และได้เดินทางพร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพี่น้องตระกูลวงษ์สุวรรณ ได้เข้าไปกราบคุณแม่เนื่องในวันแม่ 12 สิงหาคม เพื่อร่วมระลึกบุญคุณแม่และกราบขอคำอวยพรที่บ้านพักซอยลาดพร้าว 71 พร้อมกับรับประทานร่วมกันของครอบครัว จากนั้นได้เดินทางเข้าบ้านพัก เพื่อเตรียมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีรายงานว่า ในวันที่ 13 สิงหาคม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร.และพล.ต.ท.ณรงค์ ศิริสุนทร ผบช.ตชด.ได้เดินทางสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 233 จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปลงที่สนามบินหาดใหญ่ โดยคณะ ผบ.ตร.จะใช้เครื่องเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจเดินทางไปร่วมประชุมเพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ศปก.ตร.สน.จ.ยะลา โดยมี พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชษฐ์ ผบช.จชต.เป็นผู้บรรยายสรุปสถานการณ์ พร้อมกับช่วงเย็น พล.ต.อ.พัชรวาท จะเดินทางไปรับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี เพื่อร่วมตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและฝ่ายปกครองในพื้นที่ภาคใต้ โดย พล.ต.อ.พัชรวาท ได้มีภารกิจในการเข้าตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตรวจสอบหน่วย ตชด.อ.เบตง จ.ยะลา และด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง จ.ยะลา
เปิดคำสั่งตั้ง “วิเชียร” รรท.ผบ.ตร.รอบสอง
สำหรับคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) ให้ทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.รอบที่สองนั้น ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 188/2552 ลงวันที่ 11 ส.ค.2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยระบุว่า โดยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีราชการสำคัญเกี่ยวกับการสืบสวนสอบคดีต่างๆ อันสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การเตรียมความพร้อมในการประชุมสุดยอดอาเซียน โดยทั้งสองกรณีเป็นเรื่องที่อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ ความสงบและสวัสดิภาพของประชาชน ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและต่างประเทศ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ได้มีบัญชาให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปกำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง ระหว่างวันที่ 12-18 ส.ค.2552 ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยคล่องตัว และมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่สามารถกลับมาปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72(1) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ10 ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษเป็น รักษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามความในมาตรา 75 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12-18 ส.ค.2552
วาระประชุม ก.ตร.พรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีหนังสือเชิญประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 10/2552 ในวันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม เวลา 13.00 น.ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.โดยมีวาระสำคัญดังนี้
ในวาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อพิจารณา เรื่องที่ 1 การดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ขณะที่วาระที่ 4 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ 2 เรื่อง ได้แก่ รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.วินัย ที่ ก.ตร.มอบหมายให้ทำการแทน และรายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.ร้องทุกข์ที่ ก.ตร.มอบหมายให้ดำเนินการแทน
วันนี้ (11 ส.ค.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า ทราบว่า ได้มีคำสั่งจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้รักษาการ ผบ.ตร.ในวันที่ 12-18 สิงหาคม เมื่อได้รับคำสั่งจะเรียกประชุมข้าราชการตำรวจระดับ ผบช.ขึ้นไป เข้ามารับฟังนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการประชุมระดับ ผบช.ขึ้นไป ได้ทิ้งมานาน 2 เดือนแล้ว ทำให้ไม่ได้พูดคุยกัน ไม่ได้ทราบปัญหาอุปสรรคในการทำงาน ไม่ได้กำชับเร่งรัด ผบช.หน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ ทั้ง บช.น.และ บช.ภ.1-9 จนทำให้มีจำนวนคดีอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับชีวิตร่างกาย และทรัพย์สิน รวมทั้งคดีที่มีการเลียนแบบอย่างคดีปาหินที่มีเกิดขึ้นรายวัน นโยบายของนายกรัฐมนตรีต้องการให้ รอง ผบ.ตร.ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ ผบช.ที่รับผิดชอบหน่วยเข้าไปตรวจสอบ เร่งรัดและติดตามคดีสำคัญที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ไม่ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เกียร์ว่าง ไม่สนใจทำหน้าที่ของตำรวจ มัวแต่มาวุ่นวายกับคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ จนทำให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า กรณีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รอง ผบก.ลงมา เชื่อว่า การประชุม ก.ตร.วันที่ 13 สิงหาคม จะได้มีการหารือในเรื่องคำสั่งแต่งตั้ง รอง ผบก.ลงมาตามโครงสร้างใหม่ เพื่อให้ได้ยุติ คิดว่า น่าจะมีการเลื่อนคำสั่งแต่งตั้งออกไปให้มีผลในวันที่ 1 ตุลาคม เพื่อให้ ผบ.ตร.คนใหม่เป็นผู้จัดทำบัญชี และไม่ทำให้เสียอาวุโสในการแต่งตั้งโยกย้าย แต่หาก ก.ตร.จะให้มีคำสั่งเลื่อนไปมีผลในวันที่ 1 กันยายน และให้อำนาจตนเองเป็นผู้จัดทำบัญชีจะไม่มีการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น จะใช้การปรับเกลี่ยตำแหน่งจริงๆ อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจหรือขัดใจนักการเมืองมาว่ากันไม่ได้ ต้องพูดคุยกัน ส่วนตำแหน่งที่ต้องเลื่อนสูงขึ้นจะไปทำครั้งเดียวในคำสั่งแต่งตั้งประจำปีเดือนตุลาคม ซึ่งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาจัดทีมทำงาน
พล.ต.อ.วิเชียร ยังกล่าวถึงสถานการณ์ชุมนุมประท้วงและยื่นถวายฎีกา ว่า ตำรวจต้องพยายามขอร้องทุกฝ่ายไม่ให้มีการเคลื่อนไหวที่จะทำให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง โดยเฉพาะการยื่นหนังสือถวายฎีกา เป็นเรื่องที่มิบังควรอย่างยิ่ง ได้มีหนังสือสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นกำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ปัญหาที่เกิดเป็นเรื่องการเมืองต้องแก้ที่ฝ่ายการเมือง เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช้ออกมากดดันแบบนี้เป็นการมิบังควร ซึ่งต้องพูดในฐานะข้าราชการแท้จริง ทำงานถวายพระองค์ท่าน ทำเพื่อปกป้องสถาบัน กฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน เป็นหน้าที่ปวงชนพิทักษ์ รักษา เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องถือเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“พัชรวาท” เตรียมบินล่องใต้
วันเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้เดินทางออกจากบ้านพักย่านโชคชัย 4 เพื่อไปลงนามถวายพระพร เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่พระบรมมหาราชวัง และได้เดินทางพร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพี่น้องตระกูลวงษ์สุวรรณ ได้เข้าไปกราบคุณแม่เนื่องในวันแม่ 12 สิงหาคม เพื่อร่วมระลึกบุญคุณแม่และกราบขอคำอวยพรที่บ้านพักซอยลาดพร้าว 71 พร้อมกับรับประทานร่วมกันของครอบครัว จากนั้นได้เดินทางเข้าบ้านพัก เพื่อเตรียมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีรายงานว่า ในวันที่ 13 สิงหาคม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร.และพล.ต.ท.ณรงค์ ศิริสุนทร ผบช.ตชด.ได้เดินทางสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 233 จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปลงที่สนามบินหาดใหญ่ โดยคณะ ผบ.ตร.จะใช้เครื่องเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจเดินทางไปร่วมประชุมเพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ศปก.ตร.สน.จ.ยะลา โดยมี พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชษฐ์ ผบช.จชต.เป็นผู้บรรยายสรุปสถานการณ์ พร้อมกับช่วงเย็น พล.ต.อ.พัชรวาท จะเดินทางไปรับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี เพื่อร่วมตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและฝ่ายปกครองในพื้นที่ภาคใต้ โดย พล.ต.อ.พัชรวาท ได้มีภารกิจในการเข้าตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตรวจสอบหน่วย ตชด.อ.เบตง จ.ยะลา และด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง จ.ยะลา
เปิดคำสั่งตั้ง “วิเชียร” รรท.ผบ.ตร.รอบสอง
สำหรับคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) ให้ทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.รอบที่สองนั้น ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 188/2552 ลงวันที่ 11 ส.ค.2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยระบุว่า โดยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีราชการสำคัญเกี่ยวกับการสืบสวนสอบคดีต่างๆ อันสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การเตรียมความพร้อมในการประชุมสุดยอดอาเซียน โดยทั้งสองกรณีเป็นเรื่องที่อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ ความสงบและสวัสดิภาพของประชาชน ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและต่างประเทศ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ได้มีบัญชาให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปกำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง ระหว่างวันที่ 12-18 ส.ค.2552 ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยคล่องตัว และมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่สามารถกลับมาปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72(1) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ10 ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษเป็น รักษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามความในมาตรา 75 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12-18 ส.ค.2552
วาระประชุม ก.ตร.พรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีหนังสือเชิญประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 10/2552 ในวันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม เวลา 13.00 น.ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.โดยมีวาระสำคัญดังนี้
ในวาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อพิจารณา เรื่องที่ 1 การดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ขณะที่วาระที่ 4 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ 2 เรื่อง ได้แก่ รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.วินัย ที่ ก.ตร.มอบหมายให้ทำการแทน และรายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.ร้องทุกข์ที่ ก.ตร.มอบหมายให้ดำเนินการแทน