“นครบาล” ใช้แผนกรกฎ 48 รับม็อบเสื้อแดงรวมพลเคลื่อนไหวยื่นรายชื่อถวายฎีกาขออภัยโทษให้ “นช.ทักษิณ” ด้าน “วรพงษ์” ย้ำใช้ความละมุนละม่อน เน้นเจรจาต่อรองเป็นหลัก เฝ้าจับตามือที่ 3 สร้างความวุ่นวาย
วันนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เรียกประชุมนายตำรวจระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานความมั่นคง และงานด้านการจราจร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล( ผบก.น.1-9) ผู้บังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (ผบก. ตปพ.) ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก. จร.) และผู้บังคับการอำนวยการ (ผบก.อก.) ในฐานะผู้ควบคุมกำลังพลวางแนวทางปฏิบัติซักซ้อมทำความเข้าใจแผนปฏิบัติดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. รวมพลเคลื่อนไหวบริเวณท้องสนามหลวง เตรียมยื่นรายชื่อถวายฎีกาต่อสำนักราชเลขาธิการ เพื่ออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ ในวันที่ 17 ส.ค. พร้อมประเมินสถานการณ์ผู้เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 1 แสนคนเพื่อกำหนดมาตรการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลยังคงใช้แผนปฏิบัติเดิม คือ “แผนกรกฎ 48” จัดกำลังตำรวจนครบาล 1 ตำรวจนครบาล สนับสนุน ณ ที่ตั้ง และกำลังตำรวจปราบจราจลดูแลโดยรอบท้องสนามหลวงกว่า 1,000 นาย ทั้งด้านนอกด้าน และใช้กำลังตำรวจอีกส่วนประจำจุดต่างๆ โดยรอบเส้นทางที่มีการเคลื่อนไหวไปยังสำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง ตรวจค้นคุมเข้มผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่ให้มีการพกพาอาวุธและทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยมอบหมายให้นายตำรวจระดับ รอง ผบช.น.ควบคุมสั่งการปฏิบัติดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติอย่างใกล้ชิด
พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการกำลังตำรวจปราบจลาจล พร้อมประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
จากการประเมินสถานการณ์ในที่ประชุมเชื่อมั่นว่ จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ชุมนุมต้องการยื่นรายชื่อถวายฎีกาเท่านั้น หากเสร็จสิ้นแล้วก็จะสลายตัวไป โดย พล.ต.ท.วรพงษ์ ได้เน้นย้ำทำความเข้าใจกับนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมการปฏิบัติว่าให้ดำเนินการอย่างละมุนละม่อมไม่ใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด เน้นการเจรจาต่อรองเป็นหลัก และให้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือที่ 3 ที่อาจสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้น
