คอการเมือง แวดวงสีกากี คงจะงง!! บวกกับสับสน กับการใช้อำนาจของ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการหาทางออกให้ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ผบ.ตร. ยื่นใบลาไปราชการประเทศจีนยาว ตั้งแต่ 5-14 ส.ค. ซึ่งก่อนเดินทางไปสื่อทุกแขนงพยายามสืบเสาะหากำหนดการของ ผบ.ตร. แต่ลิ่วล้ออ้างว่านายไปราชการที่จีนเป็นปกติ โดยปีหนึ่งจะเดินทางไป 3 ครั้ง เพื่อไปเยี่ยมคารวะ ผบ.ตร.จีน แต่ไฉนครั้งนี้ไม่มีกำหนดการให้เห็น
เค้าลางของความไม่ชอบมาพากลชัดเจนขึ้น หลัง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี นั่งถกโผ 152 นายพลรอบสอง เมื่อ 7 ส.ค. ยันไม่ปรับไม่เปลี่ยนโผเดิมย้ำทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว รอแค่ พ.ร.ฎ.บริหารราชการตำรวจแห่งชาติ ปี 2552 มีผลบังคับใช้ใน 16 ส.ค.เท่านั้น เพียงชั่วข้ามคืน “พัชรวาท” ดอดขึ้นเครื่องจากจีนบินตรงกลับไทยถึง 3 ทุ่มของคืนวันที่ 8 ส.ค. โดยอ้างว่าหนีมรสุมที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าจีน เกรงจะมาเข้าเฝ้าฯ พระราชินี และไม่ทันร่วมงาน 12 สิงหาวันแม่แห่งชาติ ตื่นแต่ไก่โห่เข้าทำงานที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเช้า 10 ส.ค. นั่งไม่ติดอยู่ในห้องทำงานเพียง 5 นาที ก็ทำตัวเป็นนินจาหนีหายเข้ากลีบเมฆไม่กลับมา สตช.ทั้งวัน ซึ่งช่วงเวลาที่หายไปมีคนแอบเห็นว่า “พัชรวาท” สั่งเก็บตัว จนท.กองกำลังพลไว้ที่เซฟเฮาส์ เพื่อร่วมกันถกจัดโผโยกย้ายกว่าแสนตำแหน่งรองรับโครงสร้างใหม่ ตร. ซึ่งจะมีการประชุม ก.ตร.นัดทบทวนรายชื่อทั้งหมดอีกครั้งในวันที่ 13 ส.ค. นี้
การบริหารงานของผู้นำประเทศอย่างท่านนายกรัฐมนตรีมาร์ค ท่ามกลางปัญหาร้อนระอุ ยังมีมาดนิ่ง ดูนุ่มนวล กับการใช้อำนาจในรูปแบบความอะลุ้มอล่วย ประนีประนอม ไม่เด็ดขาด หรือใช้อำนาจไม่เต็มที่ กระทำการอย่างละมุ่นละม่อมในการแก้ปม ปลดล็อกปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังที่ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” กลับจากจีนและหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์หนัก
“อภิสิทธิ์” ได้อัดฉีดตัวยา แนวทางออกใหม่ให้ “พัชรวาท” น้องชายร่วมสายโลหิต “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ผู้ที่มีบารมี มีเครดิตทางการเมืองในรัฐบาลอีกครั้งด้วยการให้ลงไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ระหว่าง 13-18 ส.ค. พร้อมทั้ง “สุเทพ” ได้ตั้ง “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” รักษาราชการแทน ผบ.ตร.เป็นรอบที่ 2
คำสั่งในครั้งที่ให้ “พัชรวาท” ไปต่างประเทศ โดยก้าวแรกที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจกรอกยาแรง ชี้ทางออกให้ มันกลับไม่มีความขลังพอ อีกทั้งตัว “พัชรวาท” ก็แสดงให้เห็นถึงอาการดื้อยา แสลงยาชัดเจนว่า ไม่มีใครมาสั่งให้ทำตามได้ ต่อมาคำสั่งให้ไปทำงานต่างจังหวัดจะมีความศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนต้องดูว่า 13 ส.ค.ขณะที่ “พัชรวาท” ลงพื้นที่ใต้ โดยเจ้าตัวอ้างว่าขอไปเอง จะไปติดตามประเมินผลงานตำรวจทางใต้ ซึ่งงานจะเดินหน้ามากน้อยแค่ไหน หรือเป็นแค่เปลี่ยนที่นั่งรอฟังข่าวพิจารณาโผโยกย้ายผ่าน ก.ตร.รอบสอง หรือเป็นการซื้อเวลา ต่อลมหายใจให้ “พัชรวาท” นั่ง ผบ.ตร.ได้ผ่านไปในแต่ละค่ำคืนเท่านั้น
ในทางกลับกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะมีการประชุม ก.ตร. โดยมี “สุเทพ” นั่งเป็นประธานจะกล้าแตะปรับเปลี่ยนโผรายชื่อที่ “พัชรวาท” จัดเตรียมไว้กว่า 1 แสนตำแหน่งหรือไม่ ต้องเฝ้าจับตาดู หากเป็นไปตามโผเดิม ก็ถือว่าเป็นไปตามหมากเกมที่วางไว้ทุกอย่างลงตัว แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกระแสข่าวที่มีการล็อบบี้ซื้อขายตำแหน่ง ตำรวจจ้องกินตับโปลิศ จะมีอะไรเกิดขึ้นในก่อไผ่หรือไม่ ต้องติดตาม
การเร่งสปีดสูบฉีดยา ในการช่วยหาทางออกให้ “พัชรวาท” กลับเป็นผลดีต่อ “พัชรวาท” ที่ยังคงมีอำนาจเฝ้าเกาะติด โผเม็ดเงินหลายพันล้าน ไม่ให้พลิกทุกอย่างต้องชัดเจนเหมือนเดิม และกลับส่งผลดีเตะถ่วงเวลา ให้มีอำนาจโดยชอบในตำแหน่งได้
แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะพยายามฝืนยิ้ม ต่อการที่ “พัชรวาท” ท้าทายอำนาจตนเอง โดยออกตัวแจงให้คนเชื่อว่า แม้ “พัชรวาท” กลับจากจีนก่อนกำหนด ทีมพนักงานสอบสวนสืบสวนคดีลอบยิง “สนธิ” ก็สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มได้ แถมยังได้พูดกับสื่อเพื่อโน้มน้าวให้เห็นดีเห็นงาม กับเกมที่ตัวเองแก้ไม่ลงตัวว่า “ขอความกรุณาว่าอย่าทำให้เกิดข่าว และตื่นตระหนักตกใจหวาดระแวง ขอให้ทุกคนทำงานตามปกติ”
กับเพียงแค่คนคนเดียว นามว่า “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” จะถูกสั่งการให้ขึ้นเหนือล่องใต้ จากบัญชาของนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้ที่บริหารอำนาจได้อย่างรอมชอม จะกล้าลงดาบ ให้ “พัชรวาท” เจ็บช้ำ หรือจะยังคงนั่งเฝ้าดูพฤติกรรม “พัชรวาท” หลังถูกให้ยาจะดื้อแพ่ง และสามารถยื้อใจ “อภิสิทธิ์” ให้ตนเองนั่งอยู่ในตำแหน่งถึงเกษียณอายุราชการปลายเดือนกันยายน หรือจะถูกปลดกลางอากาศทุกอย่างขึ้นอยู่กับปลายปากกาของ นายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์” จะกล้าสะบัดลงนามหรือไม่!!!!
เค้าลางของความไม่ชอบมาพากลชัดเจนขึ้น หลัง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี นั่งถกโผ 152 นายพลรอบสอง เมื่อ 7 ส.ค. ยันไม่ปรับไม่เปลี่ยนโผเดิมย้ำทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว รอแค่ พ.ร.ฎ.บริหารราชการตำรวจแห่งชาติ ปี 2552 มีผลบังคับใช้ใน 16 ส.ค.เท่านั้น เพียงชั่วข้ามคืน “พัชรวาท” ดอดขึ้นเครื่องจากจีนบินตรงกลับไทยถึง 3 ทุ่มของคืนวันที่ 8 ส.ค. โดยอ้างว่าหนีมรสุมที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าจีน เกรงจะมาเข้าเฝ้าฯ พระราชินี และไม่ทันร่วมงาน 12 สิงหาวันแม่แห่งชาติ ตื่นแต่ไก่โห่เข้าทำงานที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเช้า 10 ส.ค. นั่งไม่ติดอยู่ในห้องทำงานเพียง 5 นาที ก็ทำตัวเป็นนินจาหนีหายเข้ากลีบเมฆไม่กลับมา สตช.ทั้งวัน ซึ่งช่วงเวลาที่หายไปมีคนแอบเห็นว่า “พัชรวาท” สั่งเก็บตัว จนท.กองกำลังพลไว้ที่เซฟเฮาส์ เพื่อร่วมกันถกจัดโผโยกย้ายกว่าแสนตำแหน่งรองรับโครงสร้างใหม่ ตร. ซึ่งจะมีการประชุม ก.ตร.นัดทบทวนรายชื่อทั้งหมดอีกครั้งในวันที่ 13 ส.ค. นี้
การบริหารงานของผู้นำประเทศอย่างท่านนายกรัฐมนตรีมาร์ค ท่ามกลางปัญหาร้อนระอุ ยังมีมาดนิ่ง ดูนุ่มนวล กับการใช้อำนาจในรูปแบบความอะลุ้มอล่วย ประนีประนอม ไม่เด็ดขาด หรือใช้อำนาจไม่เต็มที่ กระทำการอย่างละมุ่นละม่อมในการแก้ปม ปลดล็อกปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังที่ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” กลับจากจีนและหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์หนัก
“อภิสิทธิ์” ได้อัดฉีดตัวยา แนวทางออกใหม่ให้ “พัชรวาท” น้องชายร่วมสายโลหิต “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ผู้ที่มีบารมี มีเครดิตทางการเมืองในรัฐบาลอีกครั้งด้วยการให้ลงไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ระหว่าง 13-18 ส.ค. พร้อมทั้ง “สุเทพ” ได้ตั้ง “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” รักษาราชการแทน ผบ.ตร.เป็นรอบที่ 2
คำสั่งในครั้งที่ให้ “พัชรวาท” ไปต่างประเทศ โดยก้าวแรกที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจกรอกยาแรง ชี้ทางออกให้ มันกลับไม่มีความขลังพอ อีกทั้งตัว “พัชรวาท” ก็แสดงให้เห็นถึงอาการดื้อยา แสลงยาชัดเจนว่า ไม่มีใครมาสั่งให้ทำตามได้ ต่อมาคำสั่งให้ไปทำงานต่างจังหวัดจะมีความศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนต้องดูว่า 13 ส.ค.ขณะที่ “พัชรวาท” ลงพื้นที่ใต้ โดยเจ้าตัวอ้างว่าขอไปเอง จะไปติดตามประเมินผลงานตำรวจทางใต้ ซึ่งงานจะเดินหน้ามากน้อยแค่ไหน หรือเป็นแค่เปลี่ยนที่นั่งรอฟังข่าวพิจารณาโผโยกย้ายผ่าน ก.ตร.รอบสอง หรือเป็นการซื้อเวลา ต่อลมหายใจให้ “พัชรวาท” นั่ง ผบ.ตร.ได้ผ่านไปในแต่ละค่ำคืนเท่านั้น
ในทางกลับกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะมีการประชุม ก.ตร. โดยมี “สุเทพ” นั่งเป็นประธานจะกล้าแตะปรับเปลี่ยนโผรายชื่อที่ “พัชรวาท” จัดเตรียมไว้กว่า 1 แสนตำแหน่งหรือไม่ ต้องเฝ้าจับตาดู หากเป็นไปตามโผเดิม ก็ถือว่าเป็นไปตามหมากเกมที่วางไว้ทุกอย่างลงตัว แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกระแสข่าวที่มีการล็อบบี้ซื้อขายตำแหน่ง ตำรวจจ้องกินตับโปลิศ จะมีอะไรเกิดขึ้นในก่อไผ่หรือไม่ ต้องติดตาม
การเร่งสปีดสูบฉีดยา ในการช่วยหาทางออกให้ “พัชรวาท” กลับเป็นผลดีต่อ “พัชรวาท” ที่ยังคงมีอำนาจเฝ้าเกาะติด โผเม็ดเงินหลายพันล้าน ไม่ให้พลิกทุกอย่างต้องชัดเจนเหมือนเดิม และกลับส่งผลดีเตะถ่วงเวลา ให้มีอำนาจโดยชอบในตำแหน่งได้
แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะพยายามฝืนยิ้ม ต่อการที่ “พัชรวาท” ท้าทายอำนาจตนเอง โดยออกตัวแจงให้คนเชื่อว่า แม้ “พัชรวาท” กลับจากจีนก่อนกำหนด ทีมพนักงานสอบสวนสืบสวนคดีลอบยิง “สนธิ” ก็สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มได้ แถมยังได้พูดกับสื่อเพื่อโน้มน้าวให้เห็นดีเห็นงาม กับเกมที่ตัวเองแก้ไม่ลงตัวว่า “ขอความกรุณาว่าอย่าทำให้เกิดข่าว และตื่นตระหนักตกใจหวาดระแวง ขอให้ทุกคนทำงานตามปกติ”
กับเพียงแค่คนคนเดียว นามว่า “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” จะถูกสั่งการให้ขึ้นเหนือล่องใต้ จากบัญชาของนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้ที่บริหารอำนาจได้อย่างรอมชอม จะกล้าลงดาบ ให้ “พัชรวาท” เจ็บช้ำ หรือจะยังคงนั่งเฝ้าดูพฤติกรรม “พัชรวาท” หลังถูกให้ยาจะดื้อแพ่ง และสามารถยื้อใจ “อภิสิทธิ์” ให้ตนเองนั่งอยู่ในตำแหน่งถึงเกษียณอายุราชการปลายเดือนกันยายน หรือจะถูกปลดกลางอากาศทุกอย่างขึ้นอยู่กับปลายปากกาของ นายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์” จะกล้าสะบัดลงนามหรือไม่!!!!
