ชุดปราบปราบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นครบาล บุกโรงงานผลิตเสื้อยืดปลอมยี่ห้อดัง เจอคนงานกำลังเร่งสกรีนลายเสื้อ และแพกใส่ถุงกันอย่างขะมักเขม้น ยึดของกลางกว่า 3 หมื่นตัว มูลค่านับ 10 ล้าน
วันนี้ (11 ส.ค. ) เมื่อเวลา 08.00 น. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.ก.ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.น. ในฐานะผู้อำนวยการชุดปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผอ.ปลป.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณภัทร จุลละบุษปะ รอง ผบก.ตปพ. และพ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ ผกก.สน.บางขุนเทียน นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญากองบัญชาการตำรวจนครบาล (ปลป.น.) พร้อมหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 512/2552 ลงวันที่ 10 ส.ค.52 เข้าตรวจค้นโรงงานผลิตเสื้อยืด ไม่มีชื่อเลขที่ 40/1244-5 ซอยเอกชัย 76 แยก 2-3 แขวงและเขตบางบอน กทม. หลังสืบทราบว่าโรงงานดังกล่าวเป็นแหล่งผลิตเสื้อยืดละเมิดลิขสิทธิ์รายใหญ่
โรงงานดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น จำนวน 2 คูหา แยกเป็นโซนเก็บสินค้า 1 คูหา และโซนสกรีนลายเสื้อ อีก 1 คูหา จากการตรวจสอบทั้ง 2 โซน เจ้าหน้าที่พบคนงานชาย จำนวน 4 คน กำลังช่วยกันแพกเสื้อยืดใส่ถุง และสกรีนลายเสื้อกันอยู่ จึงสั่งให้หยุดทำงาน ก่อนตรวจค้นอาคารทั้ง 4 ชั้น พบเสื้อยืดละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อดังถูกเก็บเป็นสต๊อกไว้หลายรายการ เช่น ลีวายส์ พูม่า อาร์มานี บิลลาบอง ดีเซล อาดิดาส และอื่นๆ จำนวนกว่า 30,000 ตัว นอกจากนี้ยังพบแท่นสกรีนขนาดใหญ่ จำนวน 111 หัว ติดตั้งเครื่องอบความร้อน 2 ชุด และบล็อกสกรีน อีก 500 อัน จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นของกลางประกอบสำนวนคดี
พ.ต.อ.ณภัทร กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ ปลป.น.สามารถจับกุมแผงค้าเสื้อยืดละเมิดลิขสิทธิ์รายย่อยได้ที่ตลาดโบ๊เบ๊ และเมื่อนำตัวผู้ค้าไปสอบสวนขยายผลจึงทราบว่า รับสินค้ามาจากโรงงานดังกล่าว จึงสั่งการให้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบที่ตั้งของโรงงาน จากนั้นก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขออำนาจศาลออกหมายค้น ก่อนสนธิกำลังกับตำรวจท้องที่บุกเข้าจับกุมเอาไว้ได้
พ.ต.อ.ณภัทร กล่าวด้วยว่า ของกลางทั้งหมดที่ถูกยึดในวันนี้มีมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ก่อนแจ้งข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าที่ปลอม, ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร ต่อนายจลึก โบราณ อายุ 31 ปี ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ดูแลโรงงาน ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
