ไฟไหม้ห้องเครื่อง ปอ.140 วิ่งระหว่างเคหะธนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยฯ คนโดยสาร 40 ชีวิต หนีตายกันอลหม่าน คนขับใช้ถังดับเพลิงฉีดสกัด แต่ควบคุมไม่ได้ และไม่สามารถปิดกุญแจให้เครื่องยนต์หยุดทำงานได้ หน่วยดับเพลิงต้องใช้หัวฉีดสกัดนานกว่า 30 นาที เพลิงจึงสงบ ด้านผู้โดยสาร ระบุ โชคดีที่ไม่ใช่รถแก๊ส ทุกคนพากันหนีตายได้หวุดหวิด ตำรวจคาดเกิดจากความร้อนในห้องเครื่องสปาร์กกับคราบน้ำมันเพลิงจึงลุกไหม้
วันนี้ (5 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.40 น.ขณะที่ ร.ต.อ.ยุทธนา จันทร์มีสี รอง สว.จร.สน.ราษฎร์บูรณะ กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรอยู่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม.ได้ประสบเหตุรถโดยสารประจำทางปรับอากาศเกิดเพลิงลุกไหม้มีกลุ่มควันและแสงเพลิงจำนวนมาก จึงรีบประสานจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยนำรถน้ำ และรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ จำนวน 3 คัน
ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนสุขสวัสดิ์ขาออก เจ้าหน้าที่พบรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ แบบยูโร สาย 140 สีส้ม ทะเบียน 13-1877 กทม.เลขข้างรถ 5-67244 วิ่งให้บริการระหว่างการเคหะธนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จอดอยู่หน้าห้างดังกล่าว ในสภาพมีแสงเพลิง และกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากห้องเครื่องยนต์ ซึ่งอยู่ด้านท้าย ทำให้ผู้โดยสารกว่า 40 คน ต้องรีบกระโดดลงจากบันไดรถวิ่งหนีตายกันอย่างโกลาหล เบื้องต้นอาสาสมัครหน่วยดับเพลิง ต้องใช้หัวฉีดช่วยกันสกัดกั้นนานกว่า 30 นาที เพลิงจึงสงบ
จากการสอบสวน นายบรรยงค์ หนูแก้ว อายุ 58 ปี คนขับรถให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนนำรถออกจากอู่มาวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ตามเส้นทางการเคหะธนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้ 2 เที่ยวแล้ว ส่วนเที่ยวนี้เป็นเที่ยวที่ 3 ระหว่างที่กำลังขับรถมุ่งหน้าไปทางวัดสน ถนนสุขสวัสดิ์ ตนได้จอดแวะรับผู้โดยสารที่ป้ายรถประจำทางหน้าตลาดบางปะแก้ว แต่พอขับออกจากป้ายมาได้เพียง 50 เมตร ก็ได้ยินเสียงคนร้องจากทางด้านหลังรถว่า มีควันและไฟพุ่งออกมาจากห้องเครื่อง ตนจึงรีบนำรถเข้าข้างทางแล้วรีบหิ้วถังดับเพลิง จำนวน 2 ถัง ลงไปฉีดสกัดแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
ด้าน นางมณี กิจโมกข์ อายุ 40 ปี กล่าวว่า ระหว่างที่ นายบรรยงค์ พยายามดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่นั้น ปรากฏว่า เครื่องยนต์ก็ยังไม่ดับและไม่สามารถปิดกุญแจให้เครื่องหยุดทำงานได้ ตนจึงรีบตะโกนบอกผู้โดยสารที่มีอยู่เต็มคันรถ ประมาณ 40 คน ให้รีบวิ่งลงจากรถ หนีตายได้อย่างหวุดหวิด จนกระทั่งรถดับเพลิงมาถึงก่อนเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โชคดีที่รถคันนี้ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง หากใช้แก๊สเอ็นจีวี ก็อาจจะเกิดการระเบิดไปแล้วก็เป็นได้
ด้าน ร.ต.อ.ยุทธนา กล่าวว่า สาเหตุในครั้งนี้น่าจะมาจากความร้อนบริเวณห้องเครื่อง เกิดทำปฏิกิริยากับคราบน้ำมันที่เกาะติดอยู่ตามจุดต่างๆ ทำให้เกิดเพลิงลุกขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามทางพนักงานขับรถได้โทรศัพท์ตามช่างประจำอู่ให้รุดมาตรวจสอบ และประสานกับทางบริษัทประกันภัยมาสำรวจมูลค่า เพื่อชดเชยความเสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้ (5 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.40 น.ขณะที่ ร.ต.อ.ยุทธนา จันทร์มีสี รอง สว.จร.สน.ราษฎร์บูรณะ กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรอยู่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม.ได้ประสบเหตุรถโดยสารประจำทางปรับอากาศเกิดเพลิงลุกไหม้มีกลุ่มควันและแสงเพลิงจำนวนมาก จึงรีบประสานจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยนำรถน้ำ และรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ จำนวน 3 คัน
ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนสุขสวัสดิ์ขาออก เจ้าหน้าที่พบรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ แบบยูโร สาย 140 สีส้ม ทะเบียน 13-1877 กทม.เลขข้างรถ 5-67244 วิ่งให้บริการระหว่างการเคหะธนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จอดอยู่หน้าห้างดังกล่าว ในสภาพมีแสงเพลิง และกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากห้องเครื่องยนต์ ซึ่งอยู่ด้านท้าย ทำให้ผู้โดยสารกว่า 40 คน ต้องรีบกระโดดลงจากบันไดรถวิ่งหนีตายกันอย่างโกลาหล เบื้องต้นอาสาสมัครหน่วยดับเพลิง ต้องใช้หัวฉีดช่วยกันสกัดกั้นนานกว่า 30 นาที เพลิงจึงสงบ
จากการสอบสวน นายบรรยงค์ หนูแก้ว อายุ 58 ปี คนขับรถให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนนำรถออกจากอู่มาวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ตามเส้นทางการเคหะธนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้ 2 เที่ยวแล้ว ส่วนเที่ยวนี้เป็นเที่ยวที่ 3 ระหว่างที่กำลังขับรถมุ่งหน้าไปทางวัดสน ถนนสุขสวัสดิ์ ตนได้จอดแวะรับผู้โดยสารที่ป้ายรถประจำทางหน้าตลาดบางปะแก้ว แต่พอขับออกจากป้ายมาได้เพียง 50 เมตร ก็ได้ยินเสียงคนร้องจากทางด้านหลังรถว่า มีควันและไฟพุ่งออกมาจากห้องเครื่อง ตนจึงรีบนำรถเข้าข้างทางแล้วรีบหิ้วถังดับเพลิง จำนวน 2 ถัง ลงไปฉีดสกัดแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
ด้าน นางมณี กิจโมกข์ อายุ 40 ปี กล่าวว่า ระหว่างที่ นายบรรยงค์ พยายามดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่นั้น ปรากฏว่า เครื่องยนต์ก็ยังไม่ดับและไม่สามารถปิดกุญแจให้เครื่องหยุดทำงานได้ ตนจึงรีบตะโกนบอกผู้โดยสารที่มีอยู่เต็มคันรถ ประมาณ 40 คน ให้รีบวิ่งลงจากรถ หนีตายได้อย่างหวุดหวิด จนกระทั่งรถดับเพลิงมาถึงก่อนเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โชคดีที่รถคันนี้ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง หากใช้แก๊สเอ็นจีวี ก็อาจจะเกิดการระเบิดไปแล้วก็เป็นได้
ด้าน ร.ต.อ.ยุทธนา กล่าวว่า สาเหตุในครั้งนี้น่าจะมาจากความร้อนบริเวณห้องเครื่อง เกิดทำปฏิกิริยากับคราบน้ำมันที่เกาะติดอยู่ตามจุดต่างๆ ทำให้เกิดเพลิงลุกขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามทางพนักงานขับรถได้โทรศัพท์ตามช่างประจำอู่ให้รุดมาตรวจสอบ และประสานกับทางบริษัทประกันภัยมาสำรวจมูลค่า เพื่อชดเชยความเสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
