หนุ่มใหญ่โดนซ้อมตายคาสนามหน้าโรงพักมีนบุรี

หนุ่มใหญ่วัย 52 อาการทางประสาทกำเริบ วิ่งหนีออกบ้านไปเพราะกลัวคนมาทำร้าย ญาติพากันออกตามหาก็ไม่เจอ สุดท้ายไปคลุ้มคลั่งที่ท่าเรือคลองสามวา เลยถูกจับมาที่ สน.มีนบุรี พอญาติตามมาถึงก็พบกลายเป็นศพแล้ว ตำรวจทำแปลกรีบเอาศพส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ไม่รอแพทย์นิติเวชมาตรวจที่เกิดเหตุ

เมื่อเวลา 02.00 น.วันนี้ (5 ส.ค.) ขณะที่ ร.ต.ต.วรายุทธ กิตติชัยชนานนท์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.มีนบุรี กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตที่บริเวณสนามหญ้าหน้าโรงพัก จึงรายงานให้ พ.ต.ท.ถาวร สายมะณี พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.มีนบุรี ก่อนจะออกไปตรวจสอบ พบศพนายบุญเรือง พุดมีผล อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/22 หมู่ 4 ซอยเสรีไทย 16 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม นอนตายอยู่บนสนามหญ้า ในสภาพสวมเสื้อแขนสั้นสีดำ กางเกงลายพรางทหารขาสั้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันยกร่างของนายบุญเรือง ขึ้นรถกระบะตราโล่ของโรงพักไปส่งที่โรงพยาบาลนวมินทร์ พร้อมประสานแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจมาชันสูตรศพ ซึ่งจากการตรวจสอบตามร่างกาย เบื้องต้นพบว่า ผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์คล้ายถูกของแข็งตีเข้าที่บริเวณศีรษะกับท้ายทอย ดวงตาทั้งสองข้างมีรอยฟกช้ำบวมปูด นอกจากนี้ยังมีรอยฟกช้ำและรอยถลอกที่บริเวณแขนและทั่วลำตัว ส่วนที่ข้อมือมีรอยลึกคล้ายถูกใส่กุญแจมือ

จากการสอบสวนนางจันทร์ทิพย์ พุดมีผล อายุ 50 ปี น้องสาวของผู้ตายให้การว่า ตนขายขนมโตเกียวอยู่ที่ตลาดมีนบุรี โดยพี่ชายจะเป็นคนที่ผสมแป้งให้ตนเป็นประจำทุกวัน ซึ่งตามปกติพี่ชายจะนำแป้งมาส่งให้ตอนประมาณ 01.00 น.ของทุกวัน แต่ 2 วันที่ผ่านมาไม่ได้ทำขนมขาย เพราะพี่ชายไม่สบาย โดยก่อนเกิดเหตุ นายทอม ลูกชายของผู้ตายได้นำตัวผู้ตายไปโรงพยาบาลประสาท เนื่องจากผู้ตายมีอาการสับสนทางประสาท พอกลับมาบ้านก็ให้นายมาโนช แซ่โง้ว หลานชายของผู้ตายเฝ้าผู้ตายอยู่ที่บ้านเลขที่ 119 ซอยรามคำแหง 207 ด้านหลังโรงเรียนมีนประสาทวิทยาลัย ถนนสุขาภิบาล 3 แขวงและเขตมีนบุรี

นางจันทร์ทิพย์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเวลาประมาณ 23.00 น. ช่วงที่นายมาโนชเผลอ ผู้ตายเลยวิ่งหนีออกจากบ้านเพราะคิดว่าจะมีคนตามทำร้าย ตนกับญาติๆ ก็ออกตามหา พร้อมทั้งแจ้งไปยังรายการวิทยุให้ช่วยติดตามผู้ตาย หลังจากนั้นนายมาโนชซึ่งเป็นอาสาสมัครมูลนิธิร่มไทร ได้รับแจ้งจากวิทยุว่ามีเหตุชายคลุ้มคลั่งที่ท่าเรือคลองสามวา และได้นำตัวผู้ตายมาที่ สน.มีนบุรี แล้ว เมื่อญาติรู้ข่าวก็รีบเดินทางมาที่โรงพัก แต่พอมาถึงก็พบว่าพี่ชายผู้ตายเสียชีวิตแล้ว

“ตอนที่ตำรวจอุ้มพี่ชายไปที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้บอกว่าพี่ชายตายแล้วเอาตัวมาทำไม ลักษณะต่างฝ่ายต่างเกี่ยงกัน จึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนตายไม่ไปส่งที่นิติเวช ทำไมจะต้องส่งต่อไปที่โรงพยาบาลอีก ส่วนทางตำรวจก็บอกว่ามีตำรวจบ้านเเอาตัวพี่ชายมาส่งที่โรงพัก ไม่รู้ว่าถูกใครทำร้าย” นางจันทร์ทิพย์ กล่าว

ด้านแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น สันนิษฐานว่าผู้ตายเสียชีวิตก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลประมาณ 2-4 ชั่วโมงแล้ว ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าอาจจะมาจากบาดแผลที่ศีรษะ ซึ่งทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ต้องผ่าศพชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง