พลเมืองดีรุมยำ “ตีนแมวขี้ยา” น่วม

หนุ่มขี้ยาเสพยาบ้าก่อนพาลูกเมียซิ่ง จยย.ตระเวนลักทรัพย์ สุดท้ายดวงดับโดนพลเมืองดีช่วยกันจับก่อนรุมประชาทัณฑ์จนน่วมแล้วส่งตำรวจ

วันนี้ (7 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.ท.สมพงษ์ ลึกจะบก รอง สวป.สน.มีนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุเมืองมีน ว่ามีคนร้ายลักทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 181/1 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กทม.โดยมีพลเมืองดีประสบเหตุกำลังช่วยกันล้อมจับ จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อม ด.ต.ฟ้ารุ่ง ศรีบัวรา, ด.ต.มนตรี ชื่นสกุล ผบ.หมู่ จร.สน.มีนบุรี และ ด.ต.ศตุผล บุญเลิศ ผบ.หมู่ ปป.สน.มีนบุรี

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น อยู่ติดริมถนนรามคำแหง เจ้าหน้าพบประชาชนจำนวนกว่า 10 คน ช่วยกันจับคนร้ายไว้ได้ ทราบชื่อต่อมา คือ นายจิรกิตต์ จิตรักสินธ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/1 หมู่ 1 ต.ดอนจาน กิ่ง อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อ acer 1 เครื่อง เงินสด 2,580 บาท และรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง สีดำ-แดง หมายเลขทะเบียน 951 สุโขทัย 1 คัน โดยนายจิรกิตต์ถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์จนเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สน.มีนบุรี

สอบสวน นายจิรกิตต์ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเสพยาบ้า 2 เม็ด แล้วพาภรรยาและลูกชาย วัย 3 ขวบ ขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายออกจากบ้านมุ่งหน้าไปหาญาติ แต่เมื่อผ่านไปพบบ้านหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งประตูหน้าบ้านล็อกจึงคิดว่าไม่มีผู้อาศัย เลยจอดรถเดินลงไปสำรวจรอบๆ บ้านก่อนปีนขึ้นไปทางหลังคาด้านหลังแล้วทุบหลังคาฝ้าเพดานเพื่อโรยตัวลงไปลักทรัพย์ โดยที่ชั้นที่ 1 สามารถรื้อลิ้นชักโต๊ะทำงานได้เงินมา 2,580 บาท แล้วขึ้นไปรื้อห้องพัก 2 ห้อง บนชั้นที่ 3 พบโน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ส่วนอีกห้องพบหญิงสาวอายุประมาณ 19-20 ปี นอนหลับอยู่ ตนจึงรีบวิ่งลงไปที่ชั้นล่างเพื่อพังประตูหลังบ้านหลบหนี

นายจิรกิตต์ให้การต่อว่า จากนั้นตนพยายามวิ่งกลับไปที่รถจักรยานยนต์ซึ่งภรรยาและลูกตนจอดรออยู่ แต่ก็ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องขับหลบหนีไปไหนได้ เนื่องจากมีชาวบ้านมายึดกุญแจเอาไว้แล้ว เลยตัดสินใจวิ่งหนีไปขึ้นรถแท็กซี่ที่ริมถนน แต่ชาวบ้านก็ตามมาล้อมเอาไว้หมดจนไม่สามารถหนีได้ จึงถูกลากตัวลงจากรถแท็กซี่และถูกรุมประชาทัณฑ์ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตัวดังกล่าว

ด้าน นายณัฐพงษ์ เจียวสว่าง อายุ 37 ปี อาชีพรับเหมาทำเหล็กดัด อยู่บ้านเลขที่ 181/1 หมู่ 12 แขวงและเขตมีนบุรี กทม.เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า น้องสาวตนเห็นคนร้ายพาลูกเมียมาขับรถจักรยานยนต์วนดูที่บ้านดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเวลา 08.00 น. จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.ตนเห็นคนร้ายเดินหิ้วโน้ตบุ๊กออกมาจากในบ้านจึงรีบเดินเข้าไปสอบถาม โดยคนร้ายอ้างว่าเข้าไปปลดทุกข์ แต่ตนไม่เชื่อเพราะตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ประกอบกับตนก็สนิทสนมกับคนในบ้านเป็นอย่างดี

“ผมเห็นว่าเป็นคนร้ายแน่ๆ จึงตัดสินใจวิ่งไปดึงกุญแจรถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้ ก่อนตะโกนเรียกให้ชาวบ้านมาช่วยกันควบคุมตัว เมื่อเขาพยายามวิ่งหนีขึ้นรถแท็กซี่ ชาวบ้านนับสิบคนจึงช่วยกันล้อมรถและกระชากตัวลงมารุมประชาทัณฑ์ ก่อนโทรศัพท์ไปแจ้งให้ตำรวจมาควบคุมตัวไปดำเนินคดี” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ต่อมา นายสมชาย โรจนวัฒนา อายุ 47 ปี อาชีพค้าขายซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ได้เดินทางไปให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุตนออกไปขายของกับภรรยา และลูกชายคนเล็กตั้งแต่เวลา 06.00 น.โดยปล่อยให้ลูกสาวคนโต นอนพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในช่วงบ่าย ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับบ้านตัวเอง เพราะในละแวกนั้นมีคนพลุกพล่านโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำร้ายลูกสาว และมีพลเมืองดีช่วยกันจับกุมไว้ได้จึงไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สิน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะ” ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป