“กรมศุลฯ” ตาไวดักจับชาวอิหร่านลอบขนยาไอซ์ หนัก 5,065 กรัม มูลค่า 23 ล้านบาท เข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ไปไม่รอดแม้ผู้ต้องหาจะใช้กระดาษคาร์บอนเย็บปิดกระเป๋าหวังผ่านการตรวจค้น ก่อนนำตัวส่ง ปส.ดำเนินคดี
วันนี้ (4 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ศุลกากรฝ่ายสืบสวนและปราบปราม สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จับกุมชายชาวอิหร่านลักลอบนำเข้ายาไอซ์ น้ำหนัก 5,065 กรัม เข้ามาในประเทศไทย มูลค่า 23 ล้านบาท ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายวิสุทธิ์กล่าวว่า จากการสืบทราบว่าจะมีชาวต่างชาติลักลอบนำยาเสพติดให้โทษเข้ามาในราชอาณาจักรนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร จึงได้สั่งการให้นายสมชาย พูลสวัสดิ์ รองอธิบดีด้านปราบปราม นายเอกลาภ รัตนรุจ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสิทธิชัย จึงจิรานนท์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร และนายถวัลย์ รอดจิตต์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปราม ตามนโยบายปกป้องสังคมของกรมศุลกากรในการสกัดกั้นการลักลอบหนีศุลกากรและยาเสพติดให้โทษ
จนกระทั่งวันที่ 3 สิงหาคม 2552 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้พบชายต้องสงสัยที่บริเวณช่องตรวจไม่มีของต้องสำแดง (ช่องเขียว) หมายเลข 19 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางหมายเลข R1586112 พบว่าเป็นชาวอิหร่าน ชื่อ SEYEDAHMAD TABATABAEIMOGHADDAMMOJAN อายุ 47 ปี เดินทางมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี มายังประเทศไทยโดยสายการบินTURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK 060 เข็นกระเป๋าทรงอ่อนสีดำ จำนวน 2 ใบ ขณะเดินผ่านช่องตรวจไม่มีของต้องสำแดง หมายเลข 19 โซน C เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นพบวัตถุมีลักษณะเป็นเกล็ดผลึกใสเหมือนน้ำแข็ง ภายหลังตรวจสอบแล้วพบเป็นยาไอซ์ (ICE) หรือเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ซุกซ่อนอยู่ก้นกระเป๋าทั้ง 2 ใบ ถูกปิดทับอีกชั้นด้วยแผ่นวัสดุทำด้วยพลาสติกสีดำที่ปิดทับด้วยกระดาษคาร์บอนสีดำทั้ง 2 ด้าน เย็บปิดทุกด้าน น้ำหนักรวมประมาณ 5,065 กรัม มูลค่าประมาณ 23 ล้านบาท
จึงได้แจ้งให้ผู้ต้องหาทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการนำของต้องห้ามประเภทยาเสพติดให้โทษเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามมาตรา 27 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 และ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงได้ยึดของกลางดังกล่าวและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป