ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 27 ปี โจ๋แสบฉุดสาว 14 ให้พวกรุมโทรม ระบุจำเลยเป็นตัวการร่วมให้พวกกระทำความผิด ไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามที่อุทธรณ์ต่อสู้
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสราวุธ รุ่งเรือง หรือกัณติภณ สุขประเสริฐ อายุ 20 ปี ในความผิดฐานพรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อนการอนาจาร และร่วมกันข่มขืน รุมโทรม กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.50 เวลาประมาณ 18.00 น.ถึงเวลากลางคืนหลังเที่ยงต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกได้ร่วมกันพราก ด.ญ.พิ้งกี้ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 14 ปี ไปเสียจากมารดา ผู้ปกครอง เพื่อการอนาจาร โดยปราศจากเหตุอันสมควร แล้วจำเลยกับพวกยังได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่คนละ 1 ครั้ง อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง และผู้เสียหายไม่ยินยอม และยังร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหาย ไว้อันเป็นการทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เหตุเกิดที่แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 27 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์อ้างว่า คำให้การของผู้เสียหายแล้วไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยได้ล่วงเกินทางเพศ แต่จำเลยมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำผิด จึงขอให้ศาลโปรดลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนแล้วรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่า หลังจากเหตุการณ์ที่ผู้เสียหายถูกกระทำชำเราแล้ว ได้เล่าให้มารดาและญาติฟัง ก่อนจะเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลย โดยผู้เสียหายสามารถบอกเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดได้เป็นลำดับขั้นตอน แม้เป็นเรื่องที่น่าอับอาย เชื่อว่าเบิกความไปตามจริง ที่จำเลยกล่าวว่าศาลรับฟังคำให้การของผู้เสียหาย แล้วไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายนั้น เห็นว่าการที่จำเลยฉุดผู้เสียหาย ขณะรอเพื่อนในสนามกีฬาของศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่นดินแดน ไปให้พวกรุมโทรมบริเวณบ้านพักย่านเดียวกันนั้น เห็นว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกกระทำ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 27 ปี นั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
