xs
xsm
sm
md
lg

“เซ็นทรัล” โจรยั้วเยี้ย! สะเดาะประตูฉกทรัพย์ 1.5 แสน ถึงห้องนอน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เจ้าของโรงเรียนสอนภาษาในหาดใหญ่ พาครอบครัวเข้าพักที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ ย่านลาดพร้าว ถูกคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ถึงห้องนอน ทั้งที่ยังนอนหลับอยู่ภายในห้อง และปิดล็อกประตูเป็นอย่างดี สูญเสียทรัพย์สินและเงินสดร่วม 2 แสนบาท ยังไม่แน่ใจ ถูกวางยาหรือไม่ ขณะที่โรงแรมสุดห่วย รับผิดชอบเพียง 5 พัน แถมพยายามปิดข่าว เกรงชื่อเสีย

วันนี้ (29 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.น.ส.กุลฑลีย์ ลีกตเวทิน อายุ 37 ปี 14 ถนนอุทิศ 4 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษภาษาคิดส์ ในตัวเมืองหาดใหญ่ เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.โสภณ สมศรี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พหลโยธิน ว่า ถูกคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ ภายในห้องพักเลขที่ 830 ชั้น 8 โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ หรือ เซ็นทรัลลาดพร้าว ขณะนอนหลับพักผ่อนกับครอบครัว เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้สูญเสียทรัพย์สินเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 แสนบาท

น.ส.กุลฑลีย์ ให้การว่า เมื่อคืนวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.30 น.ได้เดินทางจากหาดใหญ่ มาพร้อมกับครอบครัว มีมารดา น้องชาย และบุตรชายวัย 3 ขวบของตนเอง โดยเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว เพื่อมาจัดเตรียมงานแต่งงานให้กับน้องชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งน้องชายของตนมีแมมเบอร์ของโรงแรม และกำลังจะหมดอายุ จึงให้ครอบครัวมาพักที่โรงแรมดังกล่าว 2 คืน และเมื่อเข้าพักที่ห้องพักของโรงแรมแล้ว ไม่ได้ออกไปไหน โดยมีน้องชายเป็นคนเข้านอนคนสุดท้ายเวลาประมาณ 01.00 น.ซึ่งก่อนเข้านอนมั่นใจว่า ได้ปิดประตูล็อกห้องหมดเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็พากันหลับไป จนกระทั่งมารดาตื่นขึ้นมาในเวลาประมาณ 09.30 น.ก็รู้สึกเอะใจ เพราะเห็นเหล็กพับด้านในสำหรับล็อกประตูถูกเปิดอยู่ จากนั้นเมื่อจะตรวจสอบกระเป๋าถือใบใหญ่ที่วางไว้บนหัวเตียง ปรากฏว่า หายไปทั้งใบ ซึ่งภายในมีทรัพย์สินประกอบด้วย เครื่องประดับจำพวกตุ้มหูเพชร แหวนเพชร กำไลเพชร ที่ตระเตรียมมาในใช้ในงานแต่งงาน มูลค่าชิ้นละหลายหมื่นบาท นาฬิกาฝังเพชรมูลค่า 3 หมื่นบาท เงินสด 5 หมื่นบาท บัตรเครดิต สมุดเช็ค รวมมูลค่ากว่า 1.5 แสนบาท ถูกคนร้ายเอาไปหมด

น.ส.กุลฑลีย์ ให้การต่อว่า นอกจากนี้ น้องชายได้ชาร์จโทรศัพท์มือถือไว้ ปรากฏว่า เหลือแต่ที่ชาร์จ ส่วนโทรศัพท์ถูกคนร้ายเอาไปด้วย จึงมั่นใจว่า จะต้องมีคนร้ายเข้ามาภายในห้องแน่นอน หลังจากนั้น จึงไปแจ้งพนักงานของโรงแรมให้ทราบ ก่อนจะเดินทางเข้าแจ้งความดังกล่าว

เจ้าของโรงเรียนสอนภาษาจากหาดใหญ่ให้การต่อว่า เบื้องต้นทางตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุแล้ว ตนจึงได้สอบถามทางโรงแรม ว่า มีกล้องวงจรปิดบ้างหรือไม่ ทางโรงแรมแจ้งว่าบริเวณทางเดินชั้น 8 นั้น ไม่มีกล้องวงจรปิด จะมีเฉพาะที่ล็อบบี้ ซึ่งเมื่อตนจะขอตรวจสอบ ทางโรงแรมกลับไม่ยอม นอกจากนี้ ได้สอบถามว่าจะช่วยรับผิดชอบได้แค่ไหน อย่างไรบ้าง ก็ได้รับคำตอบว่า ตามกฎระเบียบของโรงแรมที่ระบุ จะชดใช้ค่าเสียหายให้แขกที่เข้าพักได้ไม่เกิน 5 พันบาท ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมเป็นเช่นนี้ เพราะช่วงเกิดเหตุ ตนเองไม่ได้ทิ้งทรัพย์สินไว้ในห้อง หรือออกไปไหน นอนอยู่ในห้องทั้งหมด อีกทั้งมีเด็กเล็กรวมอยู่ด้วย หากลูกวัย 3 ขวบเกิดตื่นมาพบคนร้ายเข้า และถูกทำร้ายจะเป็นอย่างไร

“ปกติที่มาพัก จะมาพักที่บ้าน แต่น้องชายเป็นแมมเบอร์อยู่ อีกทั้งมั่นใจในชื่อเสียงของเซ็นทรัล ซึ่งทางโรงแรมน่าจะกระตือรือร้นหรือจริงจังมากกว่านี้ ขณะที่หลับนั้น หลับไปสนิท ไม่มั่นใจว่า ถูกวางยาหรือไม่ แต่ไม่น่าจะถึงขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะว่า เดินทางมาจนเพลีย จึงหลับสนิทไป” น.ส.กุลฑลีย์ กล่าว

น.ส.กุลฑลีย์ กล่าวต่อว่า ทางโรงแรมแจ้งว่า หลังจากนี้จะร่วมสอบสวนกับตำรวจ ว่าจะพิจารณาช่วยเหลือเท่าไร ทางโรงแรมจะพยายามปิดข่าว และบอกว่า ไม่ต้องไปให้ปากคำกับตำรวจที่โรงพักแล้ว อาจเป็นไปได้ว่ามีนักข่าวอยู่

ด้าน นายกรัณฑ์ ลีกตเวทิน น้องชายผู้เสียหาย กล่าวว่า มีข้อน่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง โดยปกติ มารดาจะเป็นคนตื่นเช้า ทั้งหูไว และรู้สึกตัวง่าย ไม่แน่ใจเช่นกันว่า จะถูกวางยาหรือไม่ ในขณะเดียวกัน โรงแรมระดับ 5 ดาวกลางกรุงที่มีชื่อเสียง น่าจะมีมาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยมากว่านี้ อีกทั้งคนเข้าออกที่เป็นบุคคลภายนอกไม่น่าที่จะเล็ดรอดเข้าไปถึงชั้น 8 ของโรงแรมได้

“นี่ยังถือว่าโชคดี ที่สินสอดทองหมั้นนั้น ได้นำไปฝากไว้ที่บ้านญาติก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้น คงไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” นายกรัณฑ์ กล่าว
น.ส.กุลฑลีย์ ลีกตเวทิน ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟัง
โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทาร่า แกรนด์ กรุงเทพ
กำลังโหลดความคิดเห็น