อดีตแม่ค้าหนี้สินล้นพ้นตัว ดัดแปลงเสื้อกันหนาวให้มีช่องใส่ของจำนวนมาก แล้วตระเวนไปตามร้านสะดวกซื้อ ฉกดีวีดีไปขาย บางครั้งพาลูกไปร่วมทำงานด้วย สุดท้ายไม่รอด ถูกจับกุมได้
วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.ท.ไพโรจน์ ไตรธรรม สวป.สน.เพชรเกษม นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจจับกุมตัว น.ส.พัชรี หรือ “โอ๋” เปรมดาบ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/4 หมู่ 2 ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พร้อมของกลางเสื้อกันหนาวขนาดใหญ่ สีส้ม ซึ่งถูกดัดแปลงให้มีช่องลับสำหรับยัดใส่ของได้จำนวนมาก 1 ตัว แผ่นซีดี-ดีวีดี เพลงและภาพยนตร์ จำนวน 17 แผ่น รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นรถใหม่ยังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน และกระเป๋าอีก 6 ใบ โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในหมู่บ้านสุขสันต์ 3 ซอยคลองหนองใหญ่ ถนนสุขาภิบาล 1 แขวงและเขตบางแค กทม.
พ.ต.อ.อนุชา เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางผู้จัดการร้านดังกล่าวได้โทรศัพท์มาแจ้งตำรวจ ว่า มีกลุ่มคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้าน และพนักงานสามารถจับตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุไว้ได้ 1 คน จึงนำกำลังไปตรวจสอบ ก็พบ น.ส.พัชรี ถูกพนักงานของร้านสะดวกซื้อจับกุมตัวอยู่ พร้อมของกลางเป็นแผ่นซีดี-ดีวีดี เพลงและภาพยนตร์จำนวนมากซุกอยู่ในเสื้อกันหนาว จึงเชิญตัวมาสอบสวนที่ สน.เพชรเกษม
จากการสอบสวน นางพัชรี ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เคยเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวอยู่แถวพุทธมณฑล สาย 4 แต่ระยะหลังเศรษฐกิจไม่ดี ประกอบกับมีภาระต้องส่งค่างวดรถ จยย.ที่ถอยมาใหม่ และเลี้ยงดูลูกชาย ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.1 จึงทำให้มีหนี้สินท่วมหัว เลยตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเพื่อนชื่อ นางทัศนีย์ หรือ “เอ๋” ขาวขำ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 2 ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เพื่อขอยืมเงินจำนวน 5,000 บาท แต่ นางทัศนีย์ บอกว่า ไม่มีเงินเช่นกัน เพราะสามีที่เพิ่งพ้นโทษออกจากคุกคดีลักทรัพย์ ก็หนีไปบวชไม่ยอมสึก เลยมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกคนเดียวถึง 4 คน แต่ถ้าอยากได้เงินต้องไปทำงานด้วยกัน
นางพัชรี กล่าวต่อว่า เมื่อประมาณ 10 วันก่อน นางทัศนีย์ ก็โทร.มาชวนให้ตนขับรถ จยย.ไปหาที่ห้องพักในซอยเพชรเกษม 112 เพื่อไปหาเงินด้วยกัน แต่พอไปถึง นางทัศนีย์ กลับให้ตนสวมเสื้อกันหนาว ซึ่งถูกดัดแปลงให้มีช่องลับสำหรับยัดใส่ของได้จำนวนมาก แล้วขี่รถ จยย.นำหน้า ให้ตนขับตามไปที่ร้าน 7-11 แห่งหนึ่งในย่านนั้น ก่อนที่ นางทัศนีย์ จะพาลูกสาววัย 12-13 ปี เดินเข้าไปในร้านก่อนเพื่อดูลาดเลา ก่อนที่ทั้งคู่จะหยิบแผ่นซีดี-ดีวีดี แยกไว้เป็นตั้งๆ เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบ ก่อนจะส่งสัญญาณให้ตนตามเข้าไปคว้าใส่กระเป๋าลับภายในเสื้อกันหนาวตัวดังกล่าวแล้วพากันหลบหนีออกมา
นางพัชรี กล่าวต่อว่า เมื่อได้ของมาแล้ว นางทัศนีย์ ก็ให้จ้างตนมา 1,500 บาท หลังจากนั้น นางทัศนีย์ ก็โทร.มาชวนตนให้ไปร่วมก่อเหตุเรื่อยมาติดๆ กันถึง 9 วัน โดยช่วงเวลาที่ใช้ลงมือคือ หลังเที่ยงคืนจนถึงเช้าตรู่ บางคืนตระเวนไปก่อเหตุในร้าน 7-11 ในย่านนั้นมากถึง 5 สาขา ได้ของกลางมากบ้างน้อยบ้าง แต่ตนจะได้ส่วนแบ่งขั้นต่ำจำนวน 500 บาท ซึ่งทุกครั้ง นางทัศนีย์ ก็จะสลับสับเปลี่ยนมากับลูกๆ 4 คน มาร่วมลงมือ โดยคนโตเป็นลูกชายอายุประมาณ 15 ปี คนรองเป็นลูกสาว อายุประมาณ 12-13 ปี และคนที่ 3 เป็นลูกสาวอายุประมาณ 5 ขวบ ส่วนคนสุดท้องนั้นเป็นลูกสาวอายุเพียง 7 เดือน ก็อุ้มมาทำงานด้วย
ด้าน นายนพภาณุ ชุติมาเมธี อายุ 33 ปี ผู้จัดการร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลา 06.00 น.เห็น นางพัชรี ขับรถ จยย.มาจอดหน้าร้าน เดินเข้ามาพร้อมกับ นางทัศนีย์ และเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ปี โดยทั้ง 3 คน ทำทีมีพิรุธ เพราะจะจ้องมองพฤติกรรมของพนักงานในร้านตลอดเวลา พอคล้อยหลังไปเพียง 5 นาที พนักงานของตนได้เดินไปตรวจสอบที่ชั้นวางสินค้าประเภทซีดี-ดีวีดี ปรากฏว่า สินค้าได้หายไปแล้ว จึงได้โวยวายขึ้น ทำให้นางทัศนีย์และเด็กผู้หญิงไหวตัวทันรีบวิ่งหนีออกไปก่อน ส่วน นางพัชรี ถูกตนและพนักงานช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้
ด้าน พ.ต.ท.ไพโรจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ แก่นางทัศนีย์ ก่อนส่งตัวให้ พ.ต.ท.มนัสพันธ์ กิ่งนอกวงศ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.เพชรเกษม ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วน นางทัศนีย์ ที่หลบหนีไปได้พร้อมลูกสาวนั้น จะประสานข้อมูลกับฝ่ายสืบสวน เพื่อเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป