รวบสองแขกอินเดียซุกบัตรเครดิตปลอม 168 ซ่อนในถุงเท้า และซองบุหรี่ ขับกระบะตระเวนกดทั่วประเทศ สะสมเงินภายใน 5 วัน แล้วขนไปเจอเพื่อนร่วมแก๊งที่พัทยา ตร.เชื่อทั้งสองน่าจะพัวพันกับแก๊งโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิตชาวต่างชาติรายใหญ่ ขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ขณะที่ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ พวงทอง สว.จร.สน.ทางด่วน 2 และ ร.ต.อ.อนุสรณ์ แสนสิ่ง รอง สว.จร.สน.ทางด่วน 2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ทางด่วน 2 กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณทางขึ้นด่านเก็บเงินผ่านทางด่วนประชาชื่น แขวงและเขตบางซื่อ ก็พบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไตรตัน สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ช 5725 ชลบุรี ขับผ่านในบริเวณด่านเก็บเงินดังกล่าว โดยทางเจ้าหน้าที่เห็นว่าป้ายทะเบียนดังกล่าวเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอมที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางขนส่ง เนื่องจากไม่มีตัวปั๊มนูน “ขส.” จึงเรียกรถคันดังกล่าวเข้าไปที่จุดสกัดสายตรวจ สน.ทางด่วน 2 เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับในข้อหาไม่ใช้แผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการ
ภายในรถกระบะคันดังกล่าวมีชายชาวอินเดีย 2 คน ลงมาจากรถ คนแรก คือ นาย INBARAJAN PONNUTHURAI อายุ 36 ปี ถือสัญชาติอังกฤษ เป็นผู้ขับขี่ อีกคนคือ นาย UDHAYASURIAN PRABU สัญชาติอินเดีย อายุ 21 ปี นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เจ้าหน้าที่จึงเรียกทั้งคู่ไปทำการเปรียบเทียบปรับในข้อหาดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท แต่ระหว่างที่ทำการเปรียบเทียบปรับอยู่นั้น ชายทั้งสองคนก็ออกอาการมีพิรุธ ลุกลี้ลุกลน เหมือนอยากจะรีบกลับเร็วๆ ซึ่งหลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้ว นาย INBARAJAN กลับควักเงินสดจำนวน 5,000 บาท ออกมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง เพื่อหวังติดสินบน เจ้าหน้าที่จึงสงสัยว่า ทั้งคู่น่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายอยู่ในรถ จึงขอเข้าตรวจค้นภายในรถกระบะดังกล่าวทันที
จากการตรวจค้นภายในรถเจ้าหน้าที่พบบัตรเครดิตปลอม ไม่สกรีนหน้าบัตร หรือบัตรขาว จำนวนรวมทั้งสิ้น 168 ใบ ซุกซ่อนอยู่ในถุงเท้าสีดำ จำนวน 2 คู่ และในซองบุหรี่ 1 ซอง ถูกซ่อนอยู่เบาะหลังและใต้แผ่นยางวางเท้า นอกจากนี้ ยังพบเงินสดอีกจำนวน 70,300 บาท เก็บไว้ภายในถุงพลาสติกสีขาว วางไว้บริเวณเบาะหลัง เจ้าหน้าที่จึงยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง ก่อนควบคุมตัวทั้งสองเอาไว้แล้วประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.น.2 และเจ้าหน้าที่คณะทำงานป้องกันทุจริตบัตรเครดิต ของชมรมธุรกิจบัตรเครดิต มาร่วมทำการสอบสวน
หลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคนเสร็จสิ้นในเวลา 15.30 น.พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ปิยวัตร บุญยืน ผกก.สืบสวน บก.น.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาแถลงข่าว โดย พ.ต.อ.ปิยวัตร กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองคน อ้างว่า ได้เข้ามาพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมซันวิวเพลส ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองก็มาเจอกันโดยบังเอิญที่โรงแรมดังกล่าว และคุยกันถูกคอ เนื่องจากเป็นคนอินเดียเหมือนกัน
ส่วนบัตรเครดิตที่พบนั้น ทั้งสองอ้างว่า มีชายชาวต่างชาติผิวขาวคนหนึ่งนำมาให้ที่พัทยา พร้อมบอกว่า อยากได้เงินใช้ก็ให้เอาบัตรพวกนี้ตระเวนไปกดเงินตามที่ต่างๆ และอีก 5 วันให้มาเจอกันที่พัทยา จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้เช่ารถกระบะมาจากเต็นท์รถเช่าแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ตระเวนใช้บัตรเครดิตปลอมประมาณ 15-20 ใบ กดเงินมาแล้วตามที่ต่างๆ ทั้ง กทม. จ.ภูเก็ต และ จ.ชลบุรี จนเมื่อวานทั้งสองได้มาเปิดห้องพักที่โรงแรมนารายณ์ และกำลังจะขับรถกลับพัทยาในวันนี้จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.ปิยวัตร กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหามีและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายทั้งสองน่าจะมีส่วนพัวพันกับแก๊งโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิตชาวต่างชาติรายใหญ่ จึงได้ประสานไปเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศสส.สตม.และตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ธนาคารให้มาร่วมทำการตรวจสอบบัตรเครดิตปลอมที่พบ โดยเบื้องต้นพบว่า ในบัตรเครดิตปลอมมีการบันทึกข้อมูลเอาไว้แล้ว นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจำนวนมากถูกบรรจุอยู่ในแฟลชไดร์ฟอีกด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ขณะที่ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ พวงทอง สว.จร.สน.ทางด่วน 2 และ ร.ต.อ.อนุสรณ์ แสนสิ่ง รอง สว.จร.สน.ทางด่วน 2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ทางด่วน 2 กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณทางขึ้นด่านเก็บเงินผ่านทางด่วนประชาชื่น แขวงและเขตบางซื่อ ก็พบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไตรตัน สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ช 5725 ชลบุรี ขับผ่านในบริเวณด่านเก็บเงินดังกล่าว โดยทางเจ้าหน้าที่เห็นว่าป้ายทะเบียนดังกล่าวเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอมที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางขนส่ง เนื่องจากไม่มีตัวปั๊มนูน “ขส.” จึงเรียกรถคันดังกล่าวเข้าไปที่จุดสกัดสายตรวจ สน.ทางด่วน 2 เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับในข้อหาไม่ใช้แผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการ
ภายในรถกระบะคันดังกล่าวมีชายชาวอินเดีย 2 คน ลงมาจากรถ คนแรก คือ นาย INBARAJAN PONNUTHURAI อายุ 36 ปี ถือสัญชาติอังกฤษ เป็นผู้ขับขี่ อีกคนคือ นาย UDHAYASURIAN PRABU สัญชาติอินเดีย อายุ 21 ปี นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เจ้าหน้าที่จึงเรียกทั้งคู่ไปทำการเปรียบเทียบปรับในข้อหาดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท แต่ระหว่างที่ทำการเปรียบเทียบปรับอยู่นั้น ชายทั้งสองคนก็ออกอาการมีพิรุธ ลุกลี้ลุกลน เหมือนอยากจะรีบกลับเร็วๆ ซึ่งหลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้ว นาย INBARAJAN กลับควักเงินสดจำนวน 5,000 บาท ออกมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง เพื่อหวังติดสินบน เจ้าหน้าที่จึงสงสัยว่า ทั้งคู่น่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายอยู่ในรถ จึงขอเข้าตรวจค้นภายในรถกระบะดังกล่าวทันที
จากการตรวจค้นภายในรถเจ้าหน้าที่พบบัตรเครดิตปลอม ไม่สกรีนหน้าบัตร หรือบัตรขาว จำนวนรวมทั้งสิ้น 168 ใบ ซุกซ่อนอยู่ในถุงเท้าสีดำ จำนวน 2 คู่ และในซองบุหรี่ 1 ซอง ถูกซ่อนอยู่เบาะหลังและใต้แผ่นยางวางเท้า นอกจากนี้ ยังพบเงินสดอีกจำนวน 70,300 บาท เก็บไว้ภายในถุงพลาสติกสีขาว วางไว้บริเวณเบาะหลัง เจ้าหน้าที่จึงยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง ก่อนควบคุมตัวทั้งสองเอาไว้แล้วประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.น.2 และเจ้าหน้าที่คณะทำงานป้องกันทุจริตบัตรเครดิต ของชมรมธุรกิจบัตรเครดิต มาร่วมทำการสอบสวน
หลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคนเสร็จสิ้นในเวลา 15.30 น.พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ปิยวัตร บุญยืน ผกก.สืบสวน บก.น.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาแถลงข่าว โดย พ.ต.อ.ปิยวัตร กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองคน อ้างว่า ได้เข้ามาพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมซันวิวเพลส ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองก็มาเจอกันโดยบังเอิญที่โรงแรมดังกล่าว และคุยกันถูกคอ เนื่องจากเป็นคนอินเดียเหมือนกัน
ส่วนบัตรเครดิตที่พบนั้น ทั้งสองอ้างว่า มีชายชาวต่างชาติผิวขาวคนหนึ่งนำมาให้ที่พัทยา พร้อมบอกว่า อยากได้เงินใช้ก็ให้เอาบัตรพวกนี้ตระเวนไปกดเงินตามที่ต่างๆ และอีก 5 วันให้มาเจอกันที่พัทยา จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้เช่ารถกระบะมาจากเต็นท์รถเช่าแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ตระเวนใช้บัตรเครดิตปลอมประมาณ 15-20 ใบ กดเงินมาแล้วตามที่ต่างๆ ทั้ง กทม. จ.ภูเก็ต และ จ.ชลบุรี จนเมื่อวานทั้งสองได้มาเปิดห้องพักที่โรงแรมนารายณ์ และกำลังจะขับรถกลับพัทยาในวันนี้จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.ปิยวัตร กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหามีและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายทั้งสองน่าจะมีส่วนพัวพันกับแก๊งโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิตชาวต่างชาติรายใหญ่ จึงได้ประสานไปเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศสส.สตม.และตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ธนาคารให้มาร่วมทำการตรวจสอบบัตรเครดิตปลอมที่พบ โดยเบื้องต้นพบว่า ในบัตรเครดิตปลอมมีการบันทึกข้อมูลเอาไว้แล้ว นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจำนวนมากถูกบรรจุอยู่ในแฟลชไดร์ฟอีกด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป