ตำรวจซุ้มจับตีนแมวยกเค้าบ้านผู้พิพากษายะลา ย่ามใจกะกลับมายกโต๊ะแกะสลักฝังมุก จากเคยยกพระพุทธรูปบูชา พระเครื่องชื่อดัง ทรัพย์อื่นคิดมูลค่านับ 2 ล้านไปแล้ว ตำรวจเร่งขยายผลตามจับทั้งแก๊งมาดำเนินคดี
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ต.กิตติศักดิ์ พฤกษ์สุวัฒน์ สว.สส.สน.บางพลัด ร.ต.อ.มนรัตน์ ศิลารักษ์ รอง สว.สส.ฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางพลัด เข้าจับกุม นายฉัตรชัย หรือ “จู๊ด” พุ่มเพ็ง อายุ 28 ปี ชาว จ.นนทบุรี พร้อมของกลางโต๊ะแกะสลักฝังมุก 1 ตัว เก้าอี้แกะสลักฝังมุก 3 ตัว รถตู้ยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน ฮข-2856 กทม. และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีเทาคาดดำ หมายเลขทะเบียน ขฉจ-683 ราชบุรี โดยจับกุมตัวได้ขณะเจ้าตัวกับพวกที่หลบหนีไปได้กำลังลักทรัพย์ภายในบ้านของนายชัชเวช สุกิจจวนิช ผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลา ตั้งอยู่เลขที่ 1279 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 แขวงและเขตบางพลัด
พ.ต.ต.กิตติศักดิ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายชัชเวชเจ้าของบ้านดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ใน จ.ยะลา และไม่มีผู้ดูแลบ้าน ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนปีนเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านดังกล่าว ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ เช่น พระพุทธรูปบูชา พระเบญจภาคี เครื่องราชอิสยาภรณ์ ถ้วยชามเบญจรงค์ สร้อยคอทองคำเครื่องประดับ นาฬิกา ถ้วยรางวัล วัตถุโบราณ และอื่นๆ อีก รวม 31 รายการ มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท หลบหนีไป จนกระทั่งช่วงเที่ยงคืนวันนี้ก็มีคนร้ายบุกเข้าไปลักทรัพย์อีกครั้ง โดยตัดโซ่กุญแจคล้องประตูแล้วนำรถตู้ถอยเข้าไปขนโต๊ะขนาดใหญ่แกะสลักฝังมุก ไปจากบ้านดังกล่าว
พ.ต.ต.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นคนร้ายกลุ่มเดิมก็ขับรถตู้ย้อนกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้เพื่อยกเก้าอี้แกะสลักฝังมุกซึ่งเป็นชุดเดียวกันไปอีก 3 ตัว เมื่อตำรวจไปตรวจสอบก็พบยังมีเก้าอี้แกะสลักฝังมุกเหลืออีก 6 ตัว จึงเชื่อว่าแก๊งคนร้ายจะต้องย่ามใจย้อนกลับมาขนไปจนครบทั้งชุดแน่นอนจึงได้วางกำลังซุ่มโป่งอยู่ภายในบ้าน จนกระทั่งมีคนร้าย 3 คนย้อนกลับมาตามคาดจริง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที แต่ทั้ง 3 คน พยายามปีนกำแพงบ้านซึ่งสูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร หลบหนี โดยหนีเข้าพงหญ้าไปได้ 2 คน ส่วนนายฉัตรชัยกระโดดพลาดทำให้ข้อเท้าขาขวาหักจึงถูกรวบตัวเอาไว้ได้ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาสอบสวน พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร
จากการสอบสวน นายฉัตรชัยให้การรับสารภาพว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาตนกับเพื่อนที่หนีไปได้ คือ นายชาติชาย คงบุญ อายุ 28 ปี และนายรักชาติ พุ่มเพ็ง อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นญาติกัน ได้ขับรถจักรยานยนต์และรถตู้พากันมาดูลาดราวก่อนตัดโซ่คล้องประตูบ้านหลังนี้ เพื่อลักเอาโต๊ะแกะสลักฝังมุกไปแล้ว 1 ตัว จากนั้นก็พากันย้อนมาอีกครั้งในช่วงบ่ายเพื่อเอาเก้าอี้แกะสลักฝังมุกไปอีก 3 ตัว
“จากนั้นพวกผมก็ขนเอาเก้าอี้ไปขายให้เจ้าของบ้านเลขที่ 31/7 หมู่ 4 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ในราคาตัวละ 1,000 บาท แต่เขาบอกว่าถ้าเอามาให้ได้อีก 6 ตัว จนครบชุดจะให้ราคาถึง 15,000 บาท พวกผมเลยพากันย้อนมาอีกจนกระทั่งถูกตำรวจดักจับจนได้ แต่คดียกเค้าในบ้านหลังนี้เมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานั้นผมไม่รู้เรื่อง” นายฉัตรชัย กล่าว
ต่อมา ร.ต.อ.มนรัตน์ ศิลารักษ์ รอง สว.สส.สน.บางพลัด ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปตรวจยึดชุดโต๊ะและเก้าอี้แกะสลักฝังมุกคืนจากบ้านผู้ที่รับซื้อ และเชิญตัวเจ้าของบ้านมาสอบสวนด้วย โดย ร.ต.อ.มนรัตน์ เปิดเผยว่า ชุดโต๊ะแกะสลักฝังมุกดังกล่าวถือเป็นของหายาก เพราะต้องนำเข้ามาจากประเทศจีน ในราคาชุดละ 150,000 บาท เท่าที่ทราบในประเทศไทยมีอยู่แค่ 5 ชุดเท่านั้น
ส่วนคนร้ายที่ร่วมมือกับแก๊งนี้น่าจะมีประมาณ 7 คน ซึ่งตำรวจพอได้เบาะแสแล้ว และแน่ใจว่าจะต้องเป็นแก๊งเดียวกันกับที่เคยยกเค้าบ้านหลังนี้มาก่อน เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีคนในแก๊งนี้เอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปขายที่ห้างพันธุ์ทิพย์ สาขางามวงศ์วาน ในราคาที่ถูกมาก เช่น นาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ และเครื่องราชอิสยาภรณ์นั้นเอาไปขายแค่ไม่กี่พันบาท ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดี และตามของกลางมาคืนให้ผู้เสียหายต่อไป
ร.ต.อ.มนรัตน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเจ้าของบ้านที่รับซื้อของกลางนั้นก็จะต้องแจ้งข้อหารับของโจรด้วย แต่ยังต้องสอบปากคำเสียก่อนว่า มีความเกี่ยวข้องหรือรู้จักกับคนร้ายกลุ่มนี้ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลมาด้วยว่า ผู้ต้องหาแก๊งนี้รู้ความเคลื่อนไหวภายในบ้านของผู้เสียหายเป็นอย่างดี เนื่องจากมีสมาชิกในแก๊งคนหนึ่งอยู่บ้านติดกันกับผู้เสียหาย โดยก่อนจะลงมือเที่ยวแรกก็จะส่งคนทำทีสวมเสื้อวินจักรยานยนต์รับจ้างมายืนฉี่ริมรั้วแล้วปีนเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อยกเค้า พอเอาทรัพย์สินออกมาแล้วก็จะนำไปเก็บไว้ที่บ้านดังกล่าว จากนั้นก็ถ่ายรูปทรัพย์สินเอาไว้แล้วเอาไปเสนอขายให้ลูกค้า หากลูกค้าสั่งซื้อชิ้นใดก็จะมาขนไปส่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบ้านของนายชัชเวช สุกิจจวนิช นั้นเป็นอาคารสูง 2 ชั้น ปลูกอยู่ในรั้วรอบขอบชิด บนเนื้อที่ประมาณ 300 ตารางวา แต่นายชัชเวชเจ้าของบ้านต้องไปปฏิบัติราชการอยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา จึงถูกปล่อยไว้โดยไม่มีใครดูแล ประกอบกับในย่านดังกล่าวเป็นซอยเปลี่ยวทำให้มิจฉาชีพมีโอกาสลงมือก่อเหตุได้หลายครั้ง เพราะยังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมากที่เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด ว่าถูกยกเค้าในลักษณะเดียวกันอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำกันอย่างละเอียดต่อไปว่าคนร้ายแก๊งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลักทรัพย์ที่ใดมาบ้าง