“อภิสิทธิ์” เมินไกล่เกลี่ยคดีฟ้องหมิ่น “จตุพร” กล่าวหากระทำการอันมิบังควร โดยนั่งเสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเข้าเฝ้าฯ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 17 ส.ค.นี้
วันนี้ (20 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดประนอมข้อพิพาทคดีหมายเลขดำที่ อ.1962/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา นายจตุพรแถลงข่าวกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์กระทำการอันมิบังควร โดยนั่งเสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบบังคมทูลรายงานข้อราชการเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2552 ซึ่งถือเป็นการไม่ถวายความเคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ดี ในวันนี้ คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ได้เดินทางมาศาล เนื่องจากฝ่ายโจทก์ไม่ประสงค์จะเจรจา ศาลจึงเริ่มกระบวนพิจารณาโดยนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
สำหรับคดีนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้มอบอำนาจให้ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ ยื่นฟ้อง นายจตุพร เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2552 เวลากลางวัน จำเลยได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนใส่ร้ายโจทก์ ทำนองว่า โจทก์กระทำการอันบังควรโดยนั่งเสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายรายงานข้อราชการ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2552 ซึ่งถือเป็นการไม่ถวายความเคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ในขณะเข้าเฝ้าฯเยี่ยงประชาชนคนไทยพึงปฏิบัติ ทั้งที่จริงแล้วโจทก์ได้ถวายความเคารพ และเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์มาโดยตลอด การนั่งเก้าอี้ถวายรายงานนั้น เป็นกรณีที่สำนักพระราชวังกำหนดสถานที่ และจัดระเบียบเข้าเฝ้าฯไว้ทั้งหมด
การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจใส่ร้ายโจทก์ในทางการเมือง อีกทั้งเป็นข้อกล่าวหากระทำการอันไม่บังควรทำตัวตีเสมอองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นเรื่องร้ายแรงกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทั่วประเทศ ทำให้โจทก์ตลอดจนครอบครัว และวงศ์ตระกูลได้รับความเสียหายอย่างมาก โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเพื่อขอบารมีศาลได้โปรดลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
วันนี้ (20 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดประนอมข้อพิพาทคดีหมายเลขดำที่ อ.1962/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา นายจตุพรแถลงข่าวกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์กระทำการอันมิบังควร โดยนั่งเสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบบังคมทูลรายงานข้อราชการเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2552 ซึ่งถือเป็นการไม่ถวายความเคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ดี ในวันนี้ คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ได้เดินทางมาศาล เนื่องจากฝ่ายโจทก์ไม่ประสงค์จะเจรจา ศาลจึงเริ่มกระบวนพิจารณาโดยนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
สำหรับคดีนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้มอบอำนาจให้ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ ยื่นฟ้อง นายจตุพร เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2552 เวลากลางวัน จำเลยได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนใส่ร้ายโจทก์ ทำนองว่า โจทก์กระทำการอันบังควรโดยนั่งเสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายรายงานข้อราชการ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2552 ซึ่งถือเป็นการไม่ถวายความเคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ในขณะเข้าเฝ้าฯเยี่ยงประชาชนคนไทยพึงปฏิบัติ ทั้งที่จริงแล้วโจทก์ได้ถวายความเคารพ และเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์มาโดยตลอด การนั่งเก้าอี้ถวายรายงานนั้น เป็นกรณีที่สำนักพระราชวังกำหนดสถานที่ และจัดระเบียบเข้าเฝ้าฯไว้ทั้งหมด
การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจใส่ร้ายโจทก์ในทางการเมือง อีกทั้งเป็นข้อกล่าวหากระทำการอันไม่บังควรทำตัวตีเสมอองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นเรื่องร้ายแรงกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทั่วประเทศ ทำให้โจทก์ตลอดจนครอบครัว และวงศ์ตระกูลได้รับความเสียหายอย่างมาก โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเพื่อขอบารมีศาลได้โปรดลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย