เมล์สาย 40 เบรกแตก พุ่งชนเสาไฟฟ้า และรถยนต์สองข้างทาง ได้รับความเสียหายหลายคัน มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย คนขับสารภาพ สุดวิสัย เบรกแตก ขณะลงสะพาน เผย เพิ่งมาขับ 20 วัน แต่ละวันได้รถขับไม่ซ้ำกัน เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาณเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียทรัพย์และได้รับบาดเจ็บ
วันนี้ (17 ก.ค.) เมื่อเวลา 06.30 น.พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ พลิคามินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.พระราชวัง รับแจ้งอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางเบรกแตก ชนรถประชาชนได้รับความเสียหายหลายคัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย ย่านพาหุรัด ถ.จักรเพชร แขวงพระราชวัง เขตพระนคร กทม.ห่างจากศาลรัฐธรรมนูญประมาณ 10 เมตร
ที่เกิดเหตุพบรถโดยสารประจำทางร่วมบริการ สาย 40 สีขาวคาดน้ำเงิน เลขข้างรถ 40-7 ทะเบียน 10-8385 กทม.วิ่งระหว่างตลิ่งชัน-ลำสาลี สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ชนติดกับเสาไฟฟ้า และถูกเสาไฟหักโค่นทับรถ มีผู้โดยสารกว่า 30 คน บนรถประจำทางคันดังกล่าวอยู่ในอาการตื่นตกใจ นอกจากนี้ บริเวณสองข้างถนนพบรถยนต์หลายคันถูกรถประจำทางคันดังกล่าวชนเสียหายอีกหลายคัน ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีขาวทะเบียน กค 9567 กทม.ด้านท้ายพังยับ รถยนต์นิสสัน ซันนี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 6ศ 6583 กทม.ด้านท้ายกับด้านหน้าพังยับ รถยนต์โตโยต้าอัลติส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ตว 3830 กทม.ด้านท้ายพังยับ มีรอยครูดทั้งคัน รถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน ฌย 5825 กทม.ด้านท้ายพังยับ รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ศน 7132 กทม.ด้านท้ายพังยับ และรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สปาร์ค สีดำ ทะเบียน รกธ 760 กทม.เสียหายเล็กน้อย ล้มคว่ำอยู่ติดล้อรถประจำทางคันก่อเหตุ บริเวณที่เกิดเหตุรถประจำทางได้ชนราวสเตนเลสกั้นขอบทางเท้าพังยับ เสียหายเป็นทางยาวกว่า 20 เมตร ประตูบ้านเรือประชาชนเสียหาย 2 คูหา
เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวน 8 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่ง โรงพยาบาลกลาง 5 ราย โรงพยาบาลเลิดสิน 2 ราย และที่โรงพยาบาลหัวเฉียวอีก 1 ราย ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียว แพทย์รักษาในเบื้องต้นและให้ยารับประทาน ก่อนอนุญาตให้กลับบ้าน มีเพียงบางรายที่ต้องเอกซเรย์เพิ่มเติม
จากการสอบสวน นายทวี เผ่าห่าสระ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 383 ม.3 นางแดด อ.หนองบัว จ.ชัยภูมิ คนขับรถโดยสารประจำทางคันก่อเหตุ ให้การว่า ตนขับรถมาตามปกติ รับผู้โดยสารมาจากตลิ่งชัน ก่อนเกิดเหตุมีผู้โดยสารอยู่บนรถประมาณ 30 คน ก่อนเกิดเหตุตนข้ามสะพานพระปกเกล้า เมื่อรถลงสะพานตนได้แตะเบรก ได้มีเสียงเหมือนอะไรหักดังขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงลมดังฟู่ และไม่สามารถเบรกรถได้
นายทวี กล่าวอีกว่า ตนตกใจมากทำอะไรไม่ถูก ได้แต่บอกผู้โดยสารว่าเบรกแตก หยุดรถไม่อยู่ ทำให้ผู้โดยสารบนรถต่างตื่นตกใจร้องกรี๊ดเสียงดัง ขณะรถพุ่งลงสะพาน ตนคิดเพียงว่าต้องหักรถเข้าข้างทางเพื่อให้รถหยุด และต้องเป็นบริเวณที่ไม่มีคนอยู่ ตนบังคับรถได้ยากมาก จึงได้ชนรถชาวบ้านที่ขับขี่อยู่ด้านหน้าเสียหายหลายคัน ตนเพิ่งเข้ามาทำงานขับรถที่อู่สาย 40 ได้ ประมาณ 20 วัน เพราะพรรคพวกชวนมา จึงไม่ได้รถขับประจำ แต่ละวันจะได้รถขับไม่ซ้ำกัน แต่ก่อนออกมาตนก็ตรวจเช็กน้ำมันเบรกแล้ว และทดสอบเบรกดูด้วย ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ซึ่งตนไม่ได้ขับรถเร็วเลย แต่เนื่องจากรถลงสะพาน จึงทำให้มีแรงส่ง รถจึงวิ่งเร็ว เมื่อเบรกไม่อยู่ก็เลยเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ด้าน นายสมยศ รุ่งโรจน์วงศิริ อายุ 50 ปี ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนขับรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว เพื่อไปส่งลูกชาย เรียนชั้น ม.4 ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ โดยลูกชายของตนนั่งที่เบาะหลัง รถตนถูกชนเป็นคันแรก ก่อนเกิดเหตุตนสังเกตเห็นรถเมล์วิ่งลงจากสะพานด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้ามาที่ตน ด้วยความตกใจตนก็พยายามเร่งเครื่องขับหนี จังหวะเดียวกันก็มีรถคนอื่นๆพยายามขับหนีเช่นกัน แต่ก็ไม่พ้น เพราะรถเมล์มาเร็วมาก พุ่งชนท้ายรถตน 3 ครั้ง ก่อนจะไปชนรถคันอื่นๆ อีก ส่วนลูกชายของตนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เป็นลักษณะบวมช้ำ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก ยังพูดคุยรู้เรื่อง แต่ต้องให้แพทย์เอกซเรย์อีกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมาก
ขณะที่ นางนงลักษณ์ เหลืองบริบูรณะ อายุ 47 ปี กล่าวว่า ตนตกใจมากทำอะไรไม่ถูก และตอนนี้ตนเพิ่งผ่านพ้นนาทีชีวิต หวิดจากความตายอย่างเหลือเชื่อ เพราะตนขับขี่รถจักรยานยนต์จะไปส่งพี่สาวขายกับข้าวย่านที่เกิดเหตุ และตนก็จะไปขายดอกไม้ที่สะพานพุทธ ตนเห็นรถเมล์วิ่งมาอย่างเร็ว และได้ยินเสียงรถเมล์ชนรถเก๋งที่อยู่ด้านหลังตนหลายครั้งเสียงดังโครมคราม ตนไม่กล้าจอดดู ได้แต่หาทางขับหลบ ส่วนพี่สาวเห็นท่าไม่ดีกระโดดออกจากรถไปก่อน จากนั้นรถเมล์ก็พุ่งมาเฉี่ยวตนรถล้มคว่ำ
“ในใจฉันคิดว่าไม่รอดแน่ เพราะรถเมล์พุ่งมาหาเร็วขนาดนั้น แต่ก็รอดได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะอีกแค่ไม่กี่ฝ่ามือรถเมล์ก็จะทับฉันกับรถ จยย.สุดท้ายรถเมล์ก็ไปหยุดอยู่ที่เสาไฟฟ้า โชคดีที่ฉันไม่เจ็บอะไรมาก นอกจากฟกช้ำที่มือและแขนขวา ฉันคิดว่า หากช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้คนเดินอยู่จุดเกิดเหตุเยอะคงต้องมีตายกันหลายคน ยังดีที่มันยังเช้าจึงยังไม่มีคนเดินมากนัก” นางนงลักษณ์ กล่าว
พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องสอบปากคำทั้งผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุ คือ คนขับรถประจำทางสาย 40 แต่จากข้อมูลเบื้องต้นได้สอบถามจากพยานแวดล้อม ทราบว่า รถประจำทางวิ่งลงจากสะพานด้วยความเร็ว คนขับก็อ้างว่า เบรกแตกบังคับรถไม่ได้ จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะตรวจสภาพรถอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาคนขับรถประจำทาง ขับรถโดยประมาณเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียทรัพย์และได้รับบาดเจ็บ
วันนี้ (17 ก.ค.) เมื่อเวลา 06.30 น.พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ พลิคามินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.พระราชวัง รับแจ้งอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางเบรกแตก ชนรถประชาชนได้รับความเสียหายหลายคัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย ย่านพาหุรัด ถ.จักรเพชร แขวงพระราชวัง เขตพระนคร กทม.ห่างจากศาลรัฐธรรมนูญประมาณ 10 เมตร
ที่เกิดเหตุพบรถโดยสารประจำทางร่วมบริการ สาย 40 สีขาวคาดน้ำเงิน เลขข้างรถ 40-7 ทะเบียน 10-8385 กทม.วิ่งระหว่างตลิ่งชัน-ลำสาลี สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ชนติดกับเสาไฟฟ้า และถูกเสาไฟหักโค่นทับรถ มีผู้โดยสารกว่า 30 คน บนรถประจำทางคันดังกล่าวอยู่ในอาการตื่นตกใจ นอกจากนี้ บริเวณสองข้างถนนพบรถยนต์หลายคันถูกรถประจำทางคันดังกล่าวชนเสียหายอีกหลายคัน ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีขาวทะเบียน กค 9567 กทม.ด้านท้ายพังยับ รถยนต์นิสสัน ซันนี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 6ศ 6583 กทม.ด้านท้ายกับด้านหน้าพังยับ รถยนต์โตโยต้าอัลติส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ตว 3830 กทม.ด้านท้ายพังยับ มีรอยครูดทั้งคัน รถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน ฌย 5825 กทม.ด้านท้ายพังยับ รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ศน 7132 กทม.ด้านท้ายพังยับ และรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สปาร์ค สีดำ ทะเบียน รกธ 760 กทม.เสียหายเล็กน้อย ล้มคว่ำอยู่ติดล้อรถประจำทางคันก่อเหตุ บริเวณที่เกิดเหตุรถประจำทางได้ชนราวสเตนเลสกั้นขอบทางเท้าพังยับ เสียหายเป็นทางยาวกว่า 20 เมตร ประตูบ้านเรือประชาชนเสียหาย 2 คูหา
เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวน 8 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่ง โรงพยาบาลกลาง 5 ราย โรงพยาบาลเลิดสิน 2 ราย และที่โรงพยาบาลหัวเฉียวอีก 1 ราย ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียว แพทย์รักษาในเบื้องต้นและให้ยารับประทาน ก่อนอนุญาตให้กลับบ้าน มีเพียงบางรายที่ต้องเอกซเรย์เพิ่มเติม
จากการสอบสวน นายทวี เผ่าห่าสระ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 383 ม.3 นางแดด อ.หนองบัว จ.ชัยภูมิ คนขับรถโดยสารประจำทางคันก่อเหตุ ให้การว่า ตนขับรถมาตามปกติ รับผู้โดยสารมาจากตลิ่งชัน ก่อนเกิดเหตุมีผู้โดยสารอยู่บนรถประมาณ 30 คน ก่อนเกิดเหตุตนข้ามสะพานพระปกเกล้า เมื่อรถลงสะพานตนได้แตะเบรก ได้มีเสียงเหมือนอะไรหักดังขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงลมดังฟู่ และไม่สามารถเบรกรถได้
นายทวี กล่าวอีกว่า ตนตกใจมากทำอะไรไม่ถูก ได้แต่บอกผู้โดยสารว่าเบรกแตก หยุดรถไม่อยู่ ทำให้ผู้โดยสารบนรถต่างตื่นตกใจร้องกรี๊ดเสียงดัง ขณะรถพุ่งลงสะพาน ตนคิดเพียงว่าต้องหักรถเข้าข้างทางเพื่อให้รถหยุด และต้องเป็นบริเวณที่ไม่มีคนอยู่ ตนบังคับรถได้ยากมาก จึงได้ชนรถชาวบ้านที่ขับขี่อยู่ด้านหน้าเสียหายหลายคัน ตนเพิ่งเข้ามาทำงานขับรถที่อู่สาย 40 ได้ ประมาณ 20 วัน เพราะพรรคพวกชวนมา จึงไม่ได้รถขับประจำ แต่ละวันจะได้รถขับไม่ซ้ำกัน แต่ก่อนออกมาตนก็ตรวจเช็กน้ำมันเบรกแล้ว และทดสอบเบรกดูด้วย ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ซึ่งตนไม่ได้ขับรถเร็วเลย แต่เนื่องจากรถลงสะพาน จึงทำให้มีแรงส่ง รถจึงวิ่งเร็ว เมื่อเบรกไม่อยู่ก็เลยเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ด้าน นายสมยศ รุ่งโรจน์วงศิริ อายุ 50 ปี ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนขับรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว เพื่อไปส่งลูกชาย เรียนชั้น ม.4 ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ โดยลูกชายของตนนั่งที่เบาะหลัง รถตนถูกชนเป็นคันแรก ก่อนเกิดเหตุตนสังเกตเห็นรถเมล์วิ่งลงจากสะพานด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้ามาที่ตน ด้วยความตกใจตนก็พยายามเร่งเครื่องขับหนี จังหวะเดียวกันก็มีรถคนอื่นๆพยายามขับหนีเช่นกัน แต่ก็ไม่พ้น เพราะรถเมล์มาเร็วมาก พุ่งชนท้ายรถตน 3 ครั้ง ก่อนจะไปชนรถคันอื่นๆ อีก ส่วนลูกชายของตนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เป็นลักษณะบวมช้ำ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก ยังพูดคุยรู้เรื่อง แต่ต้องให้แพทย์เอกซเรย์อีกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมาก
ขณะที่ นางนงลักษณ์ เหลืองบริบูรณะ อายุ 47 ปี กล่าวว่า ตนตกใจมากทำอะไรไม่ถูก และตอนนี้ตนเพิ่งผ่านพ้นนาทีชีวิต หวิดจากความตายอย่างเหลือเชื่อ เพราะตนขับขี่รถจักรยานยนต์จะไปส่งพี่สาวขายกับข้าวย่านที่เกิดเหตุ และตนก็จะไปขายดอกไม้ที่สะพานพุทธ ตนเห็นรถเมล์วิ่งมาอย่างเร็ว และได้ยินเสียงรถเมล์ชนรถเก๋งที่อยู่ด้านหลังตนหลายครั้งเสียงดังโครมคราม ตนไม่กล้าจอดดู ได้แต่หาทางขับหลบ ส่วนพี่สาวเห็นท่าไม่ดีกระโดดออกจากรถไปก่อน จากนั้นรถเมล์ก็พุ่งมาเฉี่ยวตนรถล้มคว่ำ
“ในใจฉันคิดว่าไม่รอดแน่ เพราะรถเมล์พุ่งมาหาเร็วขนาดนั้น แต่ก็รอดได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะอีกแค่ไม่กี่ฝ่ามือรถเมล์ก็จะทับฉันกับรถ จยย.สุดท้ายรถเมล์ก็ไปหยุดอยู่ที่เสาไฟฟ้า โชคดีที่ฉันไม่เจ็บอะไรมาก นอกจากฟกช้ำที่มือและแขนขวา ฉันคิดว่า หากช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้คนเดินอยู่จุดเกิดเหตุเยอะคงต้องมีตายกันหลายคน ยังดีที่มันยังเช้าจึงยังไม่มีคนเดินมากนัก” นางนงลักษณ์ กล่าว
พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องสอบปากคำทั้งผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุ คือ คนขับรถประจำทางสาย 40 แต่จากข้อมูลเบื้องต้นได้สอบถามจากพยานแวดล้อม ทราบว่า รถประจำทางวิ่งลงจากสะพานด้วยความเร็ว คนขับก็อ้างว่า เบรกแตกบังคับรถไม่ได้ จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะตรวจสภาพรถอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาคนขับรถประจำทาง ขับรถโดยประมาณเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียทรัพย์และได้รับบาดเจ็บ
