กองปราบปรามบุกตรวจค้นบ้านอดีตทหารยศ “พลโท” แหล่งซ่องสุมและเป็นซุ่มมือปืนรับจ้าง พบแบงก์ริงกิตมาเลย์มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ซุกซ่อนในห้องใต้ดิน ควบคุมตัวชาย 2 คนที่ดูแลบ้านหลังดังกล่าวพร้อมปืนสั้น ปืนแก๊ป ขยายผลดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผกก.2 บก.ป. พร้อมด้วย นายอานัว อาหมัด (MR.ANUAR AHMAD) เจ้าหน้าที่สถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และนายปานศิริ ฐิตะสัจจา ผู้เชี่ยวชาญด้านเงินตราต่างประเทศ ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกันแถลงข่าวตรวจยึดธนบัตรสกุลริงกิตของประเทศมาเลเซีย มูลค่า 7 ล้าน 5 แสนบาท
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า บ้านเลขที่ 68/1 หมู่ 2 ต.ชัยนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นของอดีตนายทหารยศพลโทที่เสียชีวิตไปแล้ว ปัจจุบันมีนายทหารยศพันโทนอกราชการนายหนึ่งเป็นผู้ดูแล เป็นที่ซ่องสุมของผู้มีอิทธิพลบุกรุกป่าสงวน และมือปืนรับจ้างพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมแหล่งซุกซ่อนอาวุธสงคราม ยาเสพติด ธนบัตรปลอม และสิ่งผิดกฎหมายอีกหลายอย่าง จึงสั่งการให้ พ.ต.ต.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์ สว.กก.2 บก.ป.พร้อมกำลัง นำหมายศาลจังหวัดชัยบาดาล ที่ 136/2552 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2552 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบธนบัตรปลอมสกุลริงกิต ราคา 50 ริงกิต มูลค่าประมาณ 750,000 ริงกิต หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,500,000 บาท กระดาษที่ใช้ปลอมธนบัตร เครื่องตัดกระดาษ และกระเป๋าเดินทาง ถูกซุกซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน ซึ่งมีการต่อเติมภายในบ้านหลังนี้ ชุดจับกุมจึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ ได้ควบคุมตัว นายประเชิญ ลือแสน อายุ 37 ปี และนายประยูร เมฆะ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก และอาวุธปืนแก๊ป 2 กระบอก สอบสวนให้การว่าเป็นเพียงคนดูแลบ้านหลังนี้เท่านั้น จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชัยบาดาล รับไว้ดำเนินคดี
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ภายหลังการตรวจยึดธนบัตรปลอมดังกล่าวแล้ว ชุดสืบสวนได้เร่งขยายผลติดตามตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นมี 5 ราย ประกอบด้วย นายอัศวิน นายจารุกิตติ์ นายพิสิษฐ์ นายบุญจันทร์ นายบุญญากร ไม่ทราบนามสกุล นอกจากนี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่สถานทูตมาเลเซีย และผู้เชี่ยวชาญด้านเงินตราของธนาคารพาณิชย์ เข้าร่วมตรวจสอบ โดยพบว่าธนบัตรของกลางใช้วิธีการปลอมโดยถ่ายเอกสารสี ถือว่าอยู่ในระดับเกรดบี และการตรวจยึดครั้งนี้นับว่าเป็นธนบัตรสกุลริงกิตปลอมที่มีจำนวนมากที่สุด เท่าที่เคยจับกุมได้ในประเทศไทย
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผกก.2 บก.ป. พร้อมด้วย นายอานัว อาหมัด (MR.ANUAR AHMAD) เจ้าหน้าที่สถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และนายปานศิริ ฐิตะสัจจา ผู้เชี่ยวชาญด้านเงินตราต่างประเทศ ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกันแถลงข่าวตรวจยึดธนบัตรสกุลริงกิตของประเทศมาเลเซีย มูลค่า 7 ล้าน 5 แสนบาท
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า บ้านเลขที่ 68/1 หมู่ 2 ต.ชัยนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นของอดีตนายทหารยศพลโทที่เสียชีวิตไปแล้ว ปัจจุบันมีนายทหารยศพันโทนอกราชการนายหนึ่งเป็นผู้ดูแล เป็นที่ซ่องสุมของผู้มีอิทธิพลบุกรุกป่าสงวน และมือปืนรับจ้างพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมแหล่งซุกซ่อนอาวุธสงคราม ยาเสพติด ธนบัตรปลอม และสิ่งผิดกฎหมายอีกหลายอย่าง จึงสั่งการให้ พ.ต.ต.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์ สว.กก.2 บก.ป.พร้อมกำลัง นำหมายศาลจังหวัดชัยบาดาล ที่ 136/2552 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2552 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบธนบัตรปลอมสกุลริงกิต ราคา 50 ริงกิต มูลค่าประมาณ 750,000 ริงกิต หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,500,000 บาท กระดาษที่ใช้ปลอมธนบัตร เครื่องตัดกระดาษ และกระเป๋าเดินทาง ถูกซุกซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน ซึ่งมีการต่อเติมภายในบ้านหลังนี้ ชุดจับกุมจึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ ได้ควบคุมตัว นายประเชิญ ลือแสน อายุ 37 ปี และนายประยูร เมฆะ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก และอาวุธปืนแก๊ป 2 กระบอก สอบสวนให้การว่าเป็นเพียงคนดูแลบ้านหลังนี้เท่านั้น จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชัยบาดาล รับไว้ดำเนินคดี
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ภายหลังการตรวจยึดธนบัตรปลอมดังกล่าวแล้ว ชุดสืบสวนได้เร่งขยายผลติดตามตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นมี 5 ราย ประกอบด้วย นายอัศวิน นายจารุกิตติ์ นายพิสิษฐ์ นายบุญจันทร์ นายบุญญากร ไม่ทราบนามสกุล นอกจากนี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่สถานทูตมาเลเซีย และผู้เชี่ยวชาญด้านเงินตราของธนาคารพาณิชย์ เข้าร่วมตรวจสอบ โดยพบว่าธนบัตรของกลางใช้วิธีการปลอมโดยถ่ายเอกสารสี ถือว่าอยู่ในระดับเกรดบี และการตรวจยึดครั้งนี้นับว่าเป็นธนบัตรสกุลริงกิตปลอมที่มีจำนวนมากที่สุด เท่าที่เคยจับกุมได้ในประเทศไทย