กระบี่ - เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ รวม 2 ผู้ต้องหาชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมธนบัตรปลอมใบละ 1 พันบาท รวมเกือบ 7 หมื่นบาท คาดเตรียมนำมาใช้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เร่งสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ตามรวบผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่ สภ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.สมบัติ แสวงสุข รองผู้กับกับการ กลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ทศพร สมบัติทอง สารวัตรกลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.กระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นางสารภี สวัสดิวงศ์ อาชีพรับจ้างโรงงานกระเบื้องแห่งหนึ่ง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.1 ต.ที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
และนายพิสิทธิ์ ชัยสุวรรณ อายุ 48 ปี อาชีพขับรถรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 217 ม.1 ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางธนบัตรปลอมใบละ 1,000 บาท จำนวน 69 ใบ คิดเป็นเงิน 69,000 บาท โทรศัพท์ มือถือจำนวน 2 เครื่อง
ทั้งนี้ ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งพักอยู่ที่บ้านพักไม่มีเลขที่ ภายในซอยนาเตย ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ มีธนบัตรปลอมไว้ในครอบครอง จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่บ้านพักดังกล่าว พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน กำลังนั่งอยู่ในบ้าน จึงเข้าทำการตรวจค้น พบธนบัตรปลอมจำนวนดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ใต้หมอนข้างภายในห้องนอน
โดยมัดรวมกันจำนวน 69 ใบ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน และควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปทำการสอบสวน โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันมีไว้ใช้ซึ่งสิ่งใด ๆ ซึ่งตนทราบว่า เป็นของปลอม หรือธนบัตรปลอมไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต”
จากการสอบสวนเบื้องต้น นางสารภี ให้การรับสารภาพว่า ธนบัตรดังกล่าวแลกซื้อมาจากเพื่อนในงานศพ ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ราคาหมื่นละ 4 พันบาท เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นเก็บไว้กับตัวตลอดไม่ได้นำออกมาใช้จ่าย จนกระทั่งเดินทางมาเยี่ยมญาติช่วงสงกรานต์ที่จังหวัดกระบี่ จึงถูกจับกุมตัว
ขณะที่นายพิสิทธิ์ ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองกระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเตรียมขยายผลสืบหาที่มาของธนบัตรดังกล่าวต่อไป
พ.ต.ท.สมบัติ กล่าวว่า ธนบัตรปลอมดังกล่าว ทำได้เหมือนจริงมาก จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด หากนำมาใช้ช่วงกลางคืน อาจจะมีคนตกเป็นเหยื่ออย่างแน่นอน และไม่เชื่อว่า นางสารภี จะเก็บธนบัตรดังกล่าวไว้เฉย ๆ เพราะถ้าแลกมาด้วยเงิน 4 พันบาท ต่อธนบัตรปลอม 10 ใบ ต้องมีทั้งหมด 70 ใบ
แต่ขณะจับกุมมีเพียง 69 ใบเท่านั้น คาดว่า จะใช้จ่ายไปแล้ว 1 ใบ ส่วนที่เหลือคาดว่า จะนำมาจับจ่ายในกระบี่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ และคาดว่า แก็งปลอมธนบัตรรายนี้ จะต้องมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย และเป็นเครือข่ายใหญ่ ซึ่งจะได้สืบสวนติดตามมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว.