นครบาลแถลงจับ “วิศรุต วงษ์สุวรรณ” หลังอ้างเป็นญาติ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ร่วมขบวนการฉ้อโกงหลอกตำรวจชั้นประทวนช่วยเหลือวิ่งเต้นติดดาว สารภาพทำผิดจริง มีผู้ที่หลงเชื่อยอมจ่ายเงินได้ส่วนแบ่งแล้ว 5 ล้านบาท
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 แถลงผลเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.1 จับกุม นายวิศรุต วงษ์สุวรรณ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.12 ต.วังกระทะ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูก ด.ต.ชัยวิชิต หิตายะ อายุ 46 ปี ผบ.หมู่เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ดินแดง ที่ร่วมกับนายวิศรุต ผู้ต้องหาซึ่งอ้างตัวเป็นญาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ ส.ต.อ.สกล มีระหันนอก เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีมักจะแต่งกายในเครื่องแบบตำรวจยศ พ.ต.อ.เพื่อตบตาเหยื่อและสร้างความน่าเชื่อถือ โดยทั้งหมดอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรได้ทันที โดยสามารถเข้าอบรมได้เลยไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือกเรียกเงินค่าใช้จ่ายรายละ 3 แสนบาท สำหรับตำรวจที่จะเลื่อนชั้นเป็นนายตำรวจสัญญาบัตร และ 5 แสนบาท สำหรับพลเรือนที่ต้องการเข้ารับราชการตำรวจ และจับกุม ด.ต.ชัยวิชิต ได้เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า นายวิศรุต และ ส.ต.อ.สกล ยังคงหลบหนี จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.น.1 พ.ต.ท.ประยูร ศาลาทอง พ.ต.ท.ประภัสสร ชาติพรหม รอง ผกก.สส.น.1 เร่งติดตามจนสามารถจับกุมได้ที่บริเวณตำบลสะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด ส่วน ส.ต.อ.สกล ได้ประสานไปยังต้นสังกัดแล้ว แต่ทราบว่าหนีราชการไปแล้ว ซึ่งจะติดตามจับกุมต่อไป ส่วนนายวิศรุตจากการตรวจสอบทราบเพียงมีนามสกุลพ้องกันกับ ผบ.ตร.เท่านั้นแต่ไม่ได้เป็นญาติกัน
“ส่วนนี้จึงอยากฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปว่า อย่าหลงเชื่อบุคคลเหล่านี้ที่เข้ามาเสนอว่าสามารถฝากเข้าตำรวจได้จริง เพราะการจะเข้าเป็นตำรวจนั้นต้องผ่านโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือการรับสมัครตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนการจะไม่มีการวิ่งเต้นได้แต่อย่างไร และส่วนที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ การที่ตำรวจมาหลอกตำรวจด้วยกันเอง โดยพบว่ามีตำรวจตกเป็นเหยื่อ 34 ราย พลเรือน 21 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท”
ด้าน นายวิศรุตให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับตำรวจทั้ง 2 นายจริง โดยจะทำหน้าที่เดินเอกสารเท่านั้น โดยเอกสารบางส่วนจะมีคำสั่งแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่งในท้องที่ต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือกับผู้ที่หลงเชื่อยอมจ่ายเงินมา ซึ่งที่ผ่านมาได้เงินจากส่วนแบ่งมาจำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่ แต่หลังเกิดเหตุก็พยายามที่จะหาเงินมาคืนผู้เสียหายทั้งหมด แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 แถลงผลเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.1 จับกุม นายวิศรุต วงษ์สุวรรณ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.12 ต.วังกระทะ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูก ด.ต.ชัยวิชิต หิตายะ อายุ 46 ปี ผบ.หมู่เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ดินแดง ที่ร่วมกับนายวิศรุต ผู้ต้องหาซึ่งอ้างตัวเป็นญาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ ส.ต.อ.สกล มีระหันนอก เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีมักจะแต่งกายในเครื่องแบบตำรวจยศ พ.ต.อ.เพื่อตบตาเหยื่อและสร้างความน่าเชื่อถือ โดยทั้งหมดอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรได้ทันที โดยสามารถเข้าอบรมได้เลยไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือกเรียกเงินค่าใช้จ่ายรายละ 3 แสนบาท สำหรับตำรวจที่จะเลื่อนชั้นเป็นนายตำรวจสัญญาบัตร และ 5 แสนบาท สำหรับพลเรือนที่ต้องการเข้ารับราชการตำรวจ และจับกุม ด.ต.ชัยวิชิต ได้เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า นายวิศรุต และ ส.ต.อ.สกล ยังคงหลบหนี จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.น.1 พ.ต.ท.ประยูร ศาลาทอง พ.ต.ท.ประภัสสร ชาติพรหม รอง ผกก.สส.น.1 เร่งติดตามจนสามารถจับกุมได้ที่บริเวณตำบลสะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด ส่วน ส.ต.อ.สกล ได้ประสานไปยังต้นสังกัดแล้ว แต่ทราบว่าหนีราชการไปแล้ว ซึ่งจะติดตามจับกุมต่อไป ส่วนนายวิศรุตจากการตรวจสอบทราบเพียงมีนามสกุลพ้องกันกับ ผบ.ตร.เท่านั้นแต่ไม่ได้เป็นญาติกัน
“ส่วนนี้จึงอยากฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปว่า อย่าหลงเชื่อบุคคลเหล่านี้ที่เข้ามาเสนอว่าสามารถฝากเข้าตำรวจได้จริง เพราะการจะเข้าเป็นตำรวจนั้นต้องผ่านโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือการรับสมัครตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนการจะไม่มีการวิ่งเต้นได้แต่อย่างไร และส่วนที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ การที่ตำรวจมาหลอกตำรวจด้วยกันเอง โดยพบว่ามีตำรวจตกเป็นเหยื่อ 34 ราย พลเรือน 21 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท”
ด้าน นายวิศรุตให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับตำรวจทั้ง 2 นายจริง โดยจะทำหน้าที่เดินเอกสารเท่านั้น โดยเอกสารบางส่วนจะมีคำสั่งแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่งในท้องที่ต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือกับผู้ที่หลงเชื่อยอมจ่ายเงินมา ซึ่งที่ผ่านมาได้เงินจากส่วนแบ่งมาจำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่ แต่หลังเกิดเหตุก็พยายามที่จะหาเงินมาคืนผู้เสียหายทั้งหมด แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน