ผู้พักอาศัยในหมู่บ้านเคหะนคร 3 รวมตัวเข้าแจ้งความดำเนินคดีข้าราชการซี 6 สตง.ฐานะเป็นกรรมการดูแลหมู่บ้านและเหรัญญิก ยักยอกเงินกว่า 4 แสนบาท ค่าเช่าทำประโยชน์ภายในหมู่บ้าน แถมไม่พัฒนาดูแลงานทำให้มีโจรชุม ด้าน ตร.คลองตัน เตรียมหาหลักฐานสอบพยานเพิ่มออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำต่อไป
วันนี้ (27 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.ขณะที่ ร.ต.ท.สุพัฒน์ พรมขัดดุก พงส.(สบ1) สน.คลองตัน กำลังเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่บนสน. มีกลุ่มชาวบ้านซึ่งพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเคหะนคร 3 ซอยพัฒนาการ 50 ถ.พัฒนาการ แขวง/เขตสวนหลวง จำนวน 13 ราย นำโดยนายสัมฤทธิ์ คชรัตน์ บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 44 ถ.ทรายทอง ต.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อาชีพทนายความ และเป็นคณะกรรมการของหมู่บ้านดังกล่าวและได้รับมอบหมายจากประชาชนซึ่งพักอาศัยในหมู่บ้านเคหะนคร 3 จำนวน 43 ครัวเรือนให้แจ้งความดำเนินคดีกับนายประจักษ์ นาผล อายุ 57 ปี พักบ้านเลขที่ 233 หมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นข้าราชการซี 6 ประจำสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และเป็น 1 ในคณะกรรมการดูแลหมู่บ้าน และเหรัญญิกของคณะกรรมการดังกล่าวด้วย ในข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นเงินค่าผลประโยน์ที่เก็บจากการนำทรัพย์สินส่วนกลางของหมู่บ้านออกให้เช่าทำประโยชน์เพื่อนำเงินที่ได้มาปรับปรุง พัฒนา และปรับปรุงสาธารณูปโภคให้แก่ประชาชนในหมู่บ้านเป็นเงินจำนวน 410,398.76 บาท
นายวรวิทย์ อังวิทยาธร อายุ 60 ปี 1 ในประชาชนที่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้ให้การว่า หมู่บ้านดังกล่าวสร้างมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2521 มีประชาชนพักอาศัยอยู่ 450 ครัวเรือน คิดเป็นจำนวนกว่า 3,000 คน ซึ่งเมื่อนิติบุคคลของหมู่บ้านได้ขายและโอนบ้านให้ลูกค้าเสร็จสิ้นแล้วจึงปล่อยให้ประชาชนบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ในหมู่บ้านกันเอง ซึ่งพวกตนได้ร่วมประชุมและมีความเห็นว่าควรจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุดประกอบด้วยคณะกรรมการที่ชาวบ้านลงคะแนนเลือกจากผู้ที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านซึ่งอาสาสมัครจำนวน 12 คน มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี เพื่อทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยป้องกันทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัย จัดการปัญหาด้านความสะอาด และระบบระบายน้ำในหมู่บ้าน ตลอดทั้งแก้ไขปัญหาต่างๆ ของคนในหมู่บ้านตามที่ได้รับการร้องเรียนมาโดยตลอด
นายวรวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับคณะกรรมการชุดปัจจุบันมีวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 2 ก.ย.2549-2 ก.ย.2551 มี นายประทาน อธิคมไตรรัตน์ เป็นประธานร่วมกับคณะกรรมการอีก11คน รวมทั้งตัวนายประจักษ์ นาผลซึ่งเป็นกรรมการและเหรัญญิก มีหน้าที่จัดเก็บรายได้จากการนำทรัพย์สินส่วนกลางของหมู่บ้านออกให้เช่าเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในการแก้ปัญหาต่างๆโดยให้ผู้ที่เช่าทำประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัวของตนเอง ซึ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 1162067324 ของธนาคารทหารไทย สาขาสวนหลวง ซึ่งขณะที่ยังอยู่ในวาระก็ไม่มีปัญหาใดๆ
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า นายประจักษ์ ได้รายงานบัญชีรายรับรายจ่ายให้คณะกรรมการทราบตลอดและเมื่อครบปี ก็จะมีการโอนยอดเงินคงค้างที่เหลือจากการนำเงินไปใช้จ่ายคืนให้แก่คณะกรรมการหมู่บ้าน แต่หลังจากที่คณะกรรมการหมดวาระในเดือนกันยายนปี 2551 ที่ผ่านมา และยังไม่มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ชาวบ้านจึงมีมติให้คณะกรรมการชุดเก่าดำเนินงานต่อโดยนายประจักษ์ยังคงทำหน้าที่เก็บเงินค่าผลประโยชน์ตามเดิม แต่ไม่ได้มีการรายงานรายรับรายจ่ายจากเงินรายได้ที่เก็บเหมือนเคยแม้จะได้มีการประชุมคณะกรรมการฯหลายครั้งแต่นายประจักษ์ก็บ่ายเบี่ยงไม่เข้าร่วมประชุมตลอด
“จนในที่สุดคณะกรรมการจึงมีมติยกเลิกไม่ให้นายประจักษ์ทำหน้าที่เก็บเงินรายได้ในส่วนนี้ต่อไปโดยให้มีผลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งให้นายประจักษ์แสดงบัญชีรายรัยรายจ่ายของเงินที่เก็บได้นับตั้งแต่เดือน ก.ย.2551 ซึ่งนายประจักษ์ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายซึ่งเขียนขึ้นด้วยลายมือแบบลวกๆ และมีการปลอมใบเสร็จและแต่งบัญชีโดยระบุรายรับที่เก็บได้จำนวน 417,398.76 บาท เมื่อหักรายรับแล้วคงเหลือเงินที่นายประจักษ์จะต้องส่งมอบคืนให้แก่คณะกรรมการฯจำนวน 410,398.76 บาท ซึ่งคณะกรรมการได้ติดตามทวงถามให้ส่งมอบคืนมาตลอดจนมีมีการยื่นเวลาให้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาคืนคณะกรรมการภายในวันที่ 15 มี.ค.แต่นายประจักษ์ก็เพิกเฉย จนในที่สุดคณะกรรมการจึงได้เรียกประชุมกันในวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีมติให้ฟ้องดำเนินคดีกับนายประจักษ์ในข้อหายักยอกทรัพย์” นายวรวิทย์ กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ชาวบ้านต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของนายประจักษ์ เป็นจำนวนมาก ทั้งปัญหาอาชญากรรมซึ่งมีเพิ่มจำนวนขึ้นมากทั้งลักทรัพย์ บุกรุกทำลายข้าวของในยามวิกาล เนื่องจากไม่มีการจ้างรปภ.เหมือนก่อน อีกทั้งปัญหาน้ำท่วมจากระบบระบายน้ำตันเมื่อฝนตกหนักระบายน้ำไม่ทันทำให้น้ำท่วมเข้าบ้านเรือนทรัพย์สินเสียหายบางส่วน
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา รถฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กข 5000 กทม.ของ พล.ต.ท.ภิรมย์ บุญรอดพานิชย์ ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ ซึ่งพักอาศัยในหมู่บ้านดังกล่าว ก็ถูกคนร้ายทุบกระจกประตูหลังด้านซ้ายเสียหายขณะที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน จนต้องมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน.คลองตัน ซึ่งที่ผ่านมาพวกตนเคยไปร้องเรียนกับ คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.ในฐานะผู้บังคับบัญชาให้ทราบถึงพฤติกรรมของนายประจักษ์ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ตร.แล้วส่งเรื่องให้ สตง.ตรวจสอบเพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ด้าน ร.ต.ท.สุพัฒน์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นรับแจ้งความไว้โดยจะต้องมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกตัวนายประจักษ์มาสอบปากคำต่อไปหากไม่มาก็จะเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาออกหมายจับต่อไป
วันนี้ (27 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.ขณะที่ ร.ต.ท.สุพัฒน์ พรมขัดดุก พงส.(สบ1) สน.คลองตัน กำลังเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่บนสน. มีกลุ่มชาวบ้านซึ่งพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเคหะนคร 3 ซอยพัฒนาการ 50 ถ.พัฒนาการ แขวง/เขตสวนหลวง จำนวน 13 ราย นำโดยนายสัมฤทธิ์ คชรัตน์ บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 44 ถ.ทรายทอง ต.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อาชีพทนายความ และเป็นคณะกรรมการของหมู่บ้านดังกล่าวและได้รับมอบหมายจากประชาชนซึ่งพักอาศัยในหมู่บ้านเคหะนคร 3 จำนวน 43 ครัวเรือนให้แจ้งความดำเนินคดีกับนายประจักษ์ นาผล อายุ 57 ปี พักบ้านเลขที่ 233 หมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นข้าราชการซี 6 ประจำสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และเป็น 1 ในคณะกรรมการดูแลหมู่บ้าน และเหรัญญิกของคณะกรรมการดังกล่าวด้วย ในข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นเงินค่าผลประโยน์ที่เก็บจากการนำทรัพย์สินส่วนกลางของหมู่บ้านออกให้เช่าทำประโยชน์เพื่อนำเงินที่ได้มาปรับปรุง พัฒนา และปรับปรุงสาธารณูปโภคให้แก่ประชาชนในหมู่บ้านเป็นเงินจำนวน 410,398.76 บาท
นายวรวิทย์ อังวิทยาธร อายุ 60 ปี 1 ในประชาชนที่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้ให้การว่า หมู่บ้านดังกล่าวสร้างมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2521 มีประชาชนพักอาศัยอยู่ 450 ครัวเรือน คิดเป็นจำนวนกว่า 3,000 คน ซึ่งเมื่อนิติบุคคลของหมู่บ้านได้ขายและโอนบ้านให้ลูกค้าเสร็จสิ้นแล้วจึงปล่อยให้ประชาชนบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ในหมู่บ้านกันเอง ซึ่งพวกตนได้ร่วมประชุมและมีความเห็นว่าควรจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุดประกอบด้วยคณะกรรมการที่ชาวบ้านลงคะแนนเลือกจากผู้ที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านซึ่งอาสาสมัครจำนวน 12 คน มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี เพื่อทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยป้องกันทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัย จัดการปัญหาด้านความสะอาด และระบบระบายน้ำในหมู่บ้าน ตลอดทั้งแก้ไขปัญหาต่างๆ ของคนในหมู่บ้านตามที่ได้รับการร้องเรียนมาโดยตลอด
นายวรวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับคณะกรรมการชุดปัจจุบันมีวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 2 ก.ย.2549-2 ก.ย.2551 มี นายประทาน อธิคมไตรรัตน์ เป็นประธานร่วมกับคณะกรรมการอีก11คน รวมทั้งตัวนายประจักษ์ นาผลซึ่งเป็นกรรมการและเหรัญญิก มีหน้าที่จัดเก็บรายได้จากการนำทรัพย์สินส่วนกลางของหมู่บ้านออกให้เช่าเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในการแก้ปัญหาต่างๆโดยให้ผู้ที่เช่าทำประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัวของตนเอง ซึ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 1162067324 ของธนาคารทหารไทย สาขาสวนหลวง ซึ่งขณะที่ยังอยู่ในวาระก็ไม่มีปัญหาใดๆ
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า นายประจักษ์ ได้รายงานบัญชีรายรับรายจ่ายให้คณะกรรมการทราบตลอดและเมื่อครบปี ก็จะมีการโอนยอดเงินคงค้างที่เหลือจากการนำเงินไปใช้จ่ายคืนให้แก่คณะกรรมการหมู่บ้าน แต่หลังจากที่คณะกรรมการหมดวาระในเดือนกันยายนปี 2551 ที่ผ่านมา และยังไม่มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ชาวบ้านจึงมีมติให้คณะกรรมการชุดเก่าดำเนินงานต่อโดยนายประจักษ์ยังคงทำหน้าที่เก็บเงินค่าผลประโยชน์ตามเดิม แต่ไม่ได้มีการรายงานรายรับรายจ่ายจากเงินรายได้ที่เก็บเหมือนเคยแม้จะได้มีการประชุมคณะกรรมการฯหลายครั้งแต่นายประจักษ์ก็บ่ายเบี่ยงไม่เข้าร่วมประชุมตลอด
“จนในที่สุดคณะกรรมการจึงมีมติยกเลิกไม่ให้นายประจักษ์ทำหน้าที่เก็บเงินรายได้ในส่วนนี้ต่อไปโดยให้มีผลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งให้นายประจักษ์แสดงบัญชีรายรัยรายจ่ายของเงินที่เก็บได้นับตั้งแต่เดือน ก.ย.2551 ซึ่งนายประจักษ์ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายซึ่งเขียนขึ้นด้วยลายมือแบบลวกๆ และมีการปลอมใบเสร็จและแต่งบัญชีโดยระบุรายรับที่เก็บได้จำนวน 417,398.76 บาท เมื่อหักรายรับแล้วคงเหลือเงินที่นายประจักษ์จะต้องส่งมอบคืนให้แก่คณะกรรมการฯจำนวน 410,398.76 บาท ซึ่งคณะกรรมการได้ติดตามทวงถามให้ส่งมอบคืนมาตลอดจนมีมีการยื่นเวลาให้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาคืนคณะกรรมการภายในวันที่ 15 มี.ค.แต่นายประจักษ์ก็เพิกเฉย จนในที่สุดคณะกรรมการจึงได้เรียกประชุมกันในวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีมติให้ฟ้องดำเนินคดีกับนายประจักษ์ในข้อหายักยอกทรัพย์” นายวรวิทย์ กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ชาวบ้านต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของนายประจักษ์ เป็นจำนวนมาก ทั้งปัญหาอาชญากรรมซึ่งมีเพิ่มจำนวนขึ้นมากทั้งลักทรัพย์ บุกรุกทำลายข้าวของในยามวิกาล เนื่องจากไม่มีการจ้างรปภ.เหมือนก่อน อีกทั้งปัญหาน้ำท่วมจากระบบระบายน้ำตันเมื่อฝนตกหนักระบายน้ำไม่ทันทำให้น้ำท่วมเข้าบ้านเรือนทรัพย์สินเสียหายบางส่วน
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา รถฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กข 5000 กทม.ของ พล.ต.ท.ภิรมย์ บุญรอดพานิชย์ ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ ซึ่งพักอาศัยในหมู่บ้านดังกล่าว ก็ถูกคนร้ายทุบกระจกประตูหลังด้านซ้ายเสียหายขณะที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน จนต้องมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน.คลองตัน ซึ่งที่ผ่านมาพวกตนเคยไปร้องเรียนกับ คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.ในฐานะผู้บังคับบัญชาให้ทราบถึงพฤติกรรมของนายประจักษ์ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ตร.แล้วส่งเรื่องให้ สตง.ตรวจสอบเพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ด้าน ร.ต.ท.สุพัฒน์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นรับแจ้งความไว้โดยจะต้องมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกตัวนายประจักษ์มาสอบปากคำต่อไปหากไม่มาก็จะเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาออกหมายจับต่อไป