“หมอพรทิพย์” ชี้ผลตรวจผ่าพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต “แม่-ลูก” ของแพทย์รามาธิบดีชัดเจนแล้ว สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นต้องผ่าพิสูจน์ซ้ำ หากญาติผู้ตายยังติดใจสามารถทำหนังสือร้องทุกข์ไปยัง รมว.ยุติธรรมได้
วันนี้ (22 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณี น.ส.วิไลพร หรือหญิง บุตรพงษ์ อายุ 27 ปี ไปทำคลอดบุตรที่ รพ.วชิรพยาบาล และเสียชีวิตทั้งแม่และลูกในครรภ์ เช้าตรู่วันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งญาติติดใจสาเหตุการตายและนำศพบุตรสาวไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.รามาธิบดี เพื่อความกระจ่าง ต่อมาเมื่อวานนี้ (21 มิ.ย )นายขันติพงษ์ บุตรพงษ์ อายุ 48 ปี บิดาของ น.ส.วิไลพร ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางไปที่ สน.สามเสน เพื่อให้ออกเอกสารขอผ่าศพน้องโฟกัส หลานชายอายุ 8 เดือนที่เสียชีวิตในท้องบุตรสาว เพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต แต่เนื่องจากทางพนักงานสอบสวน สน.สามเสน แจ้งว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าศพให้แก่ทางนิติเวช รพ.รามาธิบดี จำนวน 10,000 บาท และบิดาผู้ตาย จึงจะเดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการผ่าศพลูกสาวและหลานชายให้เกิดความกระจ่างถึงสาเหตุการเสียชีวิตนั้น
เมื่อเวลา 13.30 น. นายขันติพงษ์ บุตรพงษ์ อายุ 48 ปี บิดาของ น.ส.วิไลพร หรือหญิง บุตรพงษ์ ที่เสียชีวิตขณะไปทำคลอดบุตรที่ รพ.วชิรพยาบาลได้เดินทางมายื่นหนังสือกับพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อขอให้ผ่าพิสูจน์ศพลูกสาวอีกครั้ง
โดยเมื่อนายขันติพงษ์เห็นพญ.คุณหญิงพรทิพย์ถึงกับร้องไห้และก้มลงกราบพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์นานประมาณ 5 นาทีพร้อมกับพูดขอให้ความเป็นธรรมกับลูกสาวที่เสียชีวิตด้วย จากนั้นพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์จึงพาไปนั่งที่โต๊ะพร้อมพูดคุยถึงสาเหตุที่เดินทางมาพบและสอบถามเรื่องราวการไปฝากครรภ์ที่รพ.วชิรพยาบาลของน.ส.วิไลพรก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายขันติพงษ์ กล่าวว่า ลูกสาวไปฝากครรภ์ไว้กับรพ.วชิรพยาบาล และเมื่อประมาณตีสองของวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมาลูกสาวมีอาการปวดท้อง จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาล ซึ่งหมอได้พาลูกสาวเข้าไปยังห้องตรวจ และให้ตนรออยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง หมอจึงเดินทางมาบอกว่าให้เข้าไปในห้องและบอกว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์หัวใจหยุดเต้นเสียชีวิตแล้ว จากนั้นตนจึงถามว่าเด็กเสียชีวิตเนื่องจากสาเหตุใด หมอบอกว่าไม่ทราบต้องผ่าพิสูจน์ และหมอยังบอกอีกว่าไม่เกินเที่ยงวันที่ 17 มิ.ย.หากเด็กที่เสียชีวิตในครรภ์ออกมาได้เองตามธรรมชาติก็ไม่จำเป็นต้องผ่าครรภ์ แต่หากยังไม่คลอดก็จำเป็นต้องผ่าครรภ์เพื่อเอาเด็กออกมา
นายขันติพงษ์ กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นอาการของลูกยังเป็นปกติ แต่ปวดท้อง หลังจากนั้นหมอบอกให้ตนกลับบ้านได้ ต่อมาเมื่อเวลาเช้าตรู่ประมาณตี 5 หมอก็โทรศัพท์มาบอกว่าให้มาดูลูกสาวที่รพ. เนื่องจากมีอาการไม่ค่อยดี เมื่อมาถึงเห็นหมอและพยาบาลกำลังปั้มหัวใจอยู่ แต่หลังจากนั้นลูกสาวก็เสียชีวิต ต่อมาจึงนำศพไปผ่าพิสูจน์ที่รพ.รามาธิบดี หมอระบุสาเหตุที่ลูกสาวเสียชีวิต เนื่องจากเลือดออกในช่องท้อง ซึ่งวันนี้ตนมาขอความเป็นธรรมกับหมอพรทิพย์และหมอให้คำแนะนำอย่างไรตนก็จะยอมรับ
ด้านพญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ประเด็นที่หนึ่งศพลูกสาวที่เสียชีวิตนั้นไม่จำเป็นต้องผ่าพิสูจน์อีก เนื่องจากทราบแล้วตายเพราะสาเหตุใด หลังจากนั้นก็ต้องให้หมอที่ผ่าศพให้ข้อเท็จจริงสมมุติว่าเสียชีวิตเพราะมดลูกแตก หรือตับแตกก็ให้อธิบายว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งอีกประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะทราบผลให้ไปติดต่อที่รพ.รามาธิบดีได้
ส่วนประเด็นที่สองเด็กที่เสียชีวิตในครรภ์ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าพิสูจน์เช่นกัน เพราะเด็กเสียชีวิตเพราะขาดออกซิเจน ขาดอากาศหายใจ อยู่ที่ว่าหมอรพ.วชิระซึ่งทำการวินิจฉัยได้อธิบายให้เข้าใจครบถ้วนหรือเปล่า ก็ให้กลับไปสอบถามข้อมูลอีกครั้ง แต่หากทางญาติยังติดใจสาเหตุการตายระหว่างนี้ตนก็จะประสานให้มูลนิธิฯไปรับศพดังกล่าวมาเก็บรักษาไว้ในโลงเย็นของรพ.ธรรมศาสตร์รังสิตไว้ก่อน
“ขอให้ใจเย็นๆ เรื่องนี้ไม่ต้องชันสูตรศพ แต่ให้ย้อนกลับไปเช่น ถ้าหมอมีการอัลตร้าซาวด์ก็จะมีรูปยืนยันได้ และกรณีนี้ขอให้หมอที่เกี่ยวข้องแสดงความจริงใจ โดยทั่วไปการเด็กเสียชีวิตในครรภ์มีความสุ่มเสี่ยงที่แม่จะมีอันตราย เนื่องจากลิ่มน้ำคร่ำหลุดเข้าไปในกระแสเลือดได้ คนที่จะตอบคุณได้คือหมอที่รพ.รามาธิบดี ซึ่งหมอที่ผ่าศพต้องนำชิ้นเนื้อปอดไปตรวจ คงต้องใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์จึงจะทราบผล ถ้าผลออกมาว่าปอดของคนไข้มีลิ่มน้ำคร่ำแสดงว่าหมอไม่ได้บกพร่อง ซึ่งกรณีนี้หมอได้รอว่าจะผ่าในตอนเที่ยง แต่มาเสียชีวิตก่อนซึ่งอาจจะเป็นเหตุสุดวิสัย ทั้งนี้หมอก็ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่อยากบอกว่าไม่จำเป็นต้องชันสูตรศพอีก ” พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าว
รพ.วชิระ เสียใจ “แม่-ลูก” เสียชีวิต! ยันรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ C.P.G.
ผอ.วชิระ ยันทำคลอด “แม่-ลูก” ตาย! ได้ดำเนินการสุดความสามารถแล้ว
สลด! รพ.ทำคลอด “แม่-ลูก” ตาย อ้างกรณี 1 ในล้าน “ครรภ์เป็นพิษ”
วันนี้ (22 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณี น.ส.วิไลพร หรือหญิง บุตรพงษ์ อายุ 27 ปี ไปทำคลอดบุตรที่ รพ.วชิรพยาบาล และเสียชีวิตทั้งแม่และลูกในครรภ์ เช้าตรู่วันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งญาติติดใจสาเหตุการตายและนำศพบุตรสาวไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.รามาธิบดี เพื่อความกระจ่าง ต่อมาเมื่อวานนี้ (21 มิ.ย )นายขันติพงษ์ บุตรพงษ์ อายุ 48 ปี บิดาของ น.ส.วิไลพร ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางไปที่ สน.สามเสน เพื่อให้ออกเอกสารขอผ่าศพน้องโฟกัส หลานชายอายุ 8 เดือนที่เสียชีวิตในท้องบุตรสาว เพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต แต่เนื่องจากทางพนักงานสอบสวน สน.สามเสน แจ้งว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าศพให้แก่ทางนิติเวช รพ.รามาธิบดี จำนวน 10,000 บาท และบิดาผู้ตาย จึงจะเดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการผ่าศพลูกสาวและหลานชายให้เกิดความกระจ่างถึงสาเหตุการเสียชีวิตนั้น
เมื่อเวลา 13.30 น. นายขันติพงษ์ บุตรพงษ์ อายุ 48 ปี บิดาของ น.ส.วิไลพร หรือหญิง บุตรพงษ์ ที่เสียชีวิตขณะไปทำคลอดบุตรที่ รพ.วชิรพยาบาลได้เดินทางมายื่นหนังสือกับพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อขอให้ผ่าพิสูจน์ศพลูกสาวอีกครั้ง
โดยเมื่อนายขันติพงษ์เห็นพญ.คุณหญิงพรทิพย์ถึงกับร้องไห้และก้มลงกราบพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์นานประมาณ 5 นาทีพร้อมกับพูดขอให้ความเป็นธรรมกับลูกสาวที่เสียชีวิตด้วย จากนั้นพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์จึงพาไปนั่งที่โต๊ะพร้อมพูดคุยถึงสาเหตุที่เดินทางมาพบและสอบถามเรื่องราวการไปฝากครรภ์ที่รพ.วชิรพยาบาลของน.ส.วิไลพรก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายขันติพงษ์ กล่าวว่า ลูกสาวไปฝากครรภ์ไว้กับรพ.วชิรพยาบาล และเมื่อประมาณตีสองของวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมาลูกสาวมีอาการปวดท้อง จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาล ซึ่งหมอได้พาลูกสาวเข้าไปยังห้องตรวจ และให้ตนรออยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง หมอจึงเดินทางมาบอกว่าให้เข้าไปในห้องและบอกว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์หัวใจหยุดเต้นเสียชีวิตแล้ว จากนั้นตนจึงถามว่าเด็กเสียชีวิตเนื่องจากสาเหตุใด หมอบอกว่าไม่ทราบต้องผ่าพิสูจน์ และหมอยังบอกอีกว่าไม่เกินเที่ยงวันที่ 17 มิ.ย.หากเด็กที่เสียชีวิตในครรภ์ออกมาได้เองตามธรรมชาติก็ไม่จำเป็นต้องผ่าครรภ์ แต่หากยังไม่คลอดก็จำเป็นต้องผ่าครรภ์เพื่อเอาเด็กออกมา
นายขันติพงษ์ กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นอาการของลูกยังเป็นปกติ แต่ปวดท้อง หลังจากนั้นหมอบอกให้ตนกลับบ้านได้ ต่อมาเมื่อเวลาเช้าตรู่ประมาณตี 5 หมอก็โทรศัพท์มาบอกว่าให้มาดูลูกสาวที่รพ. เนื่องจากมีอาการไม่ค่อยดี เมื่อมาถึงเห็นหมอและพยาบาลกำลังปั้มหัวใจอยู่ แต่หลังจากนั้นลูกสาวก็เสียชีวิต ต่อมาจึงนำศพไปผ่าพิสูจน์ที่รพ.รามาธิบดี หมอระบุสาเหตุที่ลูกสาวเสียชีวิต เนื่องจากเลือดออกในช่องท้อง ซึ่งวันนี้ตนมาขอความเป็นธรรมกับหมอพรทิพย์และหมอให้คำแนะนำอย่างไรตนก็จะยอมรับ
ด้านพญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ประเด็นที่หนึ่งศพลูกสาวที่เสียชีวิตนั้นไม่จำเป็นต้องผ่าพิสูจน์อีก เนื่องจากทราบแล้วตายเพราะสาเหตุใด หลังจากนั้นก็ต้องให้หมอที่ผ่าศพให้ข้อเท็จจริงสมมุติว่าเสียชีวิตเพราะมดลูกแตก หรือตับแตกก็ให้อธิบายว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งอีกประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะทราบผลให้ไปติดต่อที่รพ.รามาธิบดีได้
ส่วนประเด็นที่สองเด็กที่เสียชีวิตในครรภ์ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าพิสูจน์เช่นกัน เพราะเด็กเสียชีวิตเพราะขาดออกซิเจน ขาดอากาศหายใจ อยู่ที่ว่าหมอรพ.วชิระซึ่งทำการวินิจฉัยได้อธิบายให้เข้าใจครบถ้วนหรือเปล่า ก็ให้กลับไปสอบถามข้อมูลอีกครั้ง แต่หากทางญาติยังติดใจสาเหตุการตายระหว่างนี้ตนก็จะประสานให้มูลนิธิฯไปรับศพดังกล่าวมาเก็บรักษาไว้ในโลงเย็นของรพ.ธรรมศาสตร์รังสิตไว้ก่อน
“ขอให้ใจเย็นๆ เรื่องนี้ไม่ต้องชันสูตรศพ แต่ให้ย้อนกลับไปเช่น ถ้าหมอมีการอัลตร้าซาวด์ก็จะมีรูปยืนยันได้ และกรณีนี้ขอให้หมอที่เกี่ยวข้องแสดงความจริงใจ โดยทั่วไปการเด็กเสียชีวิตในครรภ์มีความสุ่มเสี่ยงที่แม่จะมีอันตราย เนื่องจากลิ่มน้ำคร่ำหลุดเข้าไปในกระแสเลือดได้ คนที่จะตอบคุณได้คือหมอที่รพ.รามาธิบดี ซึ่งหมอที่ผ่าศพต้องนำชิ้นเนื้อปอดไปตรวจ คงต้องใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์จึงจะทราบผล ถ้าผลออกมาว่าปอดของคนไข้มีลิ่มน้ำคร่ำแสดงว่าหมอไม่ได้บกพร่อง ซึ่งกรณีนี้หมอได้รอว่าจะผ่าในตอนเที่ยง แต่มาเสียชีวิตก่อนซึ่งอาจจะเป็นเหตุสุดวิสัย ทั้งนี้หมอก็ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่อยากบอกว่าไม่จำเป็นต้องชันสูตรศพอีก ” พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าว
รพ.วชิระ เสียใจ “แม่-ลูก” เสียชีวิต! ยันรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ C.P.G.
ผอ.วชิระ ยันทำคลอด “แม่-ลูก” ตาย! ได้ดำเนินการสุดความสามารถแล้ว
สลด! รพ.ทำคลอด “แม่-ลูก” ตาย อ้างกรณี 1 ในล้าน “ครรภ์เป็นพิษ”
