บก.น.4 จับแก๊งฉ้อโกงทรัพย์ประชาชนเพิ่ม! แกล้งเปิดบริษัทขายตรงอาหารเสริมประเภทสาหร่ายบังหน้า เมื่อเหยื่อหลงกลสมัครสมาชิกร่วมทุนจำนวนมากแล้ว ปิดกิจการเชิดเงินหนี เสียหาย 10 ล้าน
วันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.สุเทพ ภูยานนท์ พ.ต.ท.ทวีป โพธิ์แก้ว รอง ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ สุมานัส สว.กก.สส.บก.น.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.4 นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายพิสิษฐ์ หรือธงชัย น้อยโพธิ์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 ม.2 ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 6 หมาย และหมายจับของ สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี อีก 1 หมาย ในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยจับกุมได้ที่ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ เน็ทเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 1910 อาคารอิเล็คโทรลักซ์ ชั้น 12 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ กก.สส.บก.น.4
พ.ต.อ.ปกรณ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายจำนวนหลายร้อยคน เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ว่า ถูกนายพิสิษฐ์ หรือธงชัย กับพวกร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยการเปิดบริษัทขายตรงอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และมีสาขาย่อยอยู่ที่ จ.ชลบุรี บริษัทดังกล่าวจะขายจำพวกอาหารเสริมประเภทสาหร่าย จากนั้นก็เปิดรับสมัครสมาชิกร่วมลงทุน โดยเก็บค่าสมัครรายละ 500 บาท ซึ่งสมาชิกจะได้ค่าตอบแทนในการหาลูกทีมเพิ่มคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ ทำให้มีผู้หลงเชื่อมาสมัครร่วมลงทุนจำนวนมาก เมื่อผู้ต้องหาได้เงินจำนวนมากก็จะปิดบริษัทหลบหนีไปตั้งแต่ปี 2548 รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาท
พ.ต.อ.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานหาเบาะแสของคนร้าย จนกระทั่งสามารถจับกุมตัว น.ส.ทัศนีย์วรรณ ศรีสะละ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/3 ม.5 ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลจับกุมนายพิสิษฐ์ หรือธงชัย ได้ที่บริษัท อินเตอร์ลิงค์ เน็ทเวริ์ค (ประเทศไทย) จำกัด หลังหลบหนีมาทำงานที่บริษัทดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้ต้องหาหลบหนีอยู่อีก 2 ราย คือนายบุญยืน ศรีสะละ อายุ 50 ปี บิดาของ น.ส.ทัศนีย์วรรณ ที่ถูกจับกุมไปแล้ว และนายวีรวัชร์ เลิศอัครศรีกุล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 388 ม.17 ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
“สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ ถือว่าเป็นภัยต่อสังคม จะเปิดบริษัทบังหน้าและหลอกลวงประชาชน เมื่อได้เงินก็พากันหลบหนี ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ผมอยากฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อตามคำโฆษณาต่างๆให้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อที่จะได้ไม่ถูกหลอก และหากใครที่ตกเป็นเหยื่อสามารถมาแจ้งความได้ที่กองปราบปราม หรือที่ สน.ในท้องที่” พ.ต.อ.ปกรณ์ กล่าว
นายพิสิษฐ์ หรือธงชัย กล่าวว่า ตนเปิดบริษัทดังกล่าวมาประมาณ 5 ปี แล้ว ตนมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการร่วมกับเพื่อนๆ โดยจะขายอาหารเสริมประเภทสาหร่าย และให้ค่าคอมมิชชั่นกับผู้ที่หาสมาชิกมาได้ ซึ่งจำไม่ได้ว่ามีสมาชิกทั้งประมาณกี่คน แต่คิดว่าน่าจะประมาณ 100 คน ส่วนวิธีการดำเนินกิจการนั้นก็จำไม่ได้ แต่ต่อมาบริษัทไปไม่รอดจึงต้องปิดกิจการ ก่อนที่จะออกหมายจับถึง 7 คดี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 2 ราย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.สุเทพ ภูยานนท์ พ.ต.ท.ทวีป โพธิ์แก้ว รอง ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ สุมานัส สว.กก.สส.บก.น.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.4 นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายพิสิษฐ์ หรือธงชัย น้อยโพธิ์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 ม.2 ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 6 หมาย และหมายจับของ สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี อีก 1 หมาย ในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยจับกุมได้ที่ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ เน็ทเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 1910 อาคารอิเล็คโทรลักซ์ ชั้น 12 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ กก.สส.บก.น.4
พ.ต.อ.ปกรณ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายจำนวนหลายร้อยคน เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ว่า ถูกนายพิสิษฐ์ หรือธงชัย กับพวกร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยการเปิดบริษัทขายตรงอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และมีสาขาย่อยอยู่ที่ จ.ชลบุรี บริษัทดังกล่าวจะขายจำพวกอาหารเสริมประเภทสาหร่าย จากนั้นก็เปิดรับสมัครสมาชิกร่วมลงทุน โดยเก็บค่าสมัครรายละ 500 บาท ซึ่งสมาชิกจะได้ค่าตอบแทนในการหาลูกทีมเพิ่มคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ ทำให้มีผู้หลงเชื่อมาสมัครร่วมลงทุนจำนวนมาก เมื่อผู้ต้องหาได้เงินจำนวนมากก็จะปิดบริษัทหลบหนีไปตั้งแต่ปี 2548 รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาท
พ.ต.อ.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานหาเบาะแสของคนร้าย จนกระทั่งสามารถจับกุมตัว น.ส.ทัศนีย์วรรณ ศรีสะละ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/3 ม.5 ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลจับกุมนายพิสิษฐ์ หรือธงชัย ได้ที่บริษัท อินเตอร์ลิงค์ เน็ทเวริ์ค (ประเทศไทย) จำกัด หลังหลบหนีมาทำงานที่บริษัทดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้ต้องหาหลบหนีอยู่อีก 2 ราย คือนายบุญยืน ศรีสะละ อายุ 50 ปี บิดาของ น.ส.ทัศนีย์วรรณ ที่ถูกจับกุมไปแล้ว และนายวีรวัชร์ เลิศอัครศรีกุล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 388 ม.17 ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
“สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ ถือว่าเป็นภัยต่อสังคม จะเปิดบริษัทบังหน้าและหลอกลวงประชาชน เมื่อได้เงินก็พากันหลบหนี ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ผมอยากฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อตามคำโฆษณาต่างๆให้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อที่จะได้ไม่ถูกหลอก และหากใครที่ตกเป็นเหยื่อสามารถมาแจ้งความได้ที่กองปราบปราม หรือที่ สน.ในท้องที่” พ.ต.อ.ปกรณ์ กล่าว
นายพิสิษฐ์ หรือธงชัย กล่าวว่า ตนเปิดบริษัทดังกล่าวมาประมาณ 5 ปี แล้ว ตนมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการร่วมกับเพื่อนๆ โดยจะขายอาหารเสริมประเภทสาหร่าย และให้ค่าคอมมิชชั่นกับผู้ที่หาสมาชิกมาได้ ซึ่งจำไม่ได้ว่ามีสมาชิกทั้งประมาณกี่คน แต่คิดว่าน่าจะประมาณ 100 คน ส่วนวิธีการดำเนินกิจการนั้นก็จำไม่ได้ แต่ต่อมาบริษัทไปไม่รอดจึงต้องปิดกิจการ ก่อนที่จะออกหมายจับถึง 7 คดี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 2 ราย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป