ตร.ยานนาวา ตามรวบโจรใจบาป อาศัยข้าววัดกินประทังชีวิต ไม่สำนึกข้าวก้นบาตร บุกงัดกุฏิเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ย่านเจริญกรุง ฉกเงินสด 1.8 แสน มือถือ พระเครื่องเก่าแก่ รวมมูลค่า 4.3 แสน หนีเอาไปปล่อยขายตลาดมืด เงินบางส่วนเอาไปดาวน์แท็กซี่ให้พี่ชายขับ ตร.ตามสืบพบรวบตัวได้ทั้งสองคน สารภาพ แอบย่องงัดมาแล้ว 3 ครั้ง และเคยทำลักษณะเดียวกันอีก 3 วัดในละแวกดังกล่าว เงินที่ได้เอาไปใช้เที่ยวกินจนหมด
วันนี้ (3 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.ยานนาวา พ.ต.อ.เสถียร ตัณฑะกุล ผกก.สน.ยานนาวา พ.ต.ท.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ สว.สส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายทวีสิทธิ์ หรือกี เมธา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117/41 ซอยชินเขต 2/6 ถนนงามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ และนายณรงค์ ดีมั่น อายุ 42 ปี อยู่ห้องเลขที่ 217 เดอะเมโทรเพลสคอนโดมีเนียม ย่านสาทร พร้อมของกลางมีดลงอาคมจำนวน 2 เล่ม กล้องถ่ายรูปยี่ห้อ Petri จำนวน 1 ตัว เงินสดจำนวน 180,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และเหรียญหลวงปู่แหวนนับอีก 100 องค์ และพระเครื่องเก่าแก่ต่างๆ อีกมูลค่านับแสนบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 430,000 บาท
พ.ต.อ.เสถียร เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 06.00-06.30 น.ของวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร ได้เงินสดไปจำนวน 180,000 บาท พระเครื่องเก่าแก่ และทรัพย์สินของมีค่าอื่นไปอีกจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา จึงเข้าไปตรวจสอบภายในวัด ก็พบหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวัดขณะที่นายทวีสิทธิ์กำลังงัดช่องลมของกุฎิเจ้าอาวาส แล้วเข้าไปรื้อค้นก่อนขโมยทรัพย์สินหลบหนีไป
พ.ต.อ.เสถียร กล่าวต่อว่า หลักงจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่านายทวีสิทธิ์พักอาศัยอยู่ที่บริเวณใต้ทางด่วนพระราม 4 จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้พร้อมของกลางทรัพย์สินของกุฏิเจ้าอาวาสบางส่วน ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนขยายผล โดยเจ้าตัวสารภาพว่าได้นำทรัพย์สินบางส่วนที่ลักมาไปขายและโอนเงินให้นายณรงค์ ผู้เป็นพี่เขยไปดาวน์รถแท็กซี่ออกมาขับขี่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมนายณรงค์
จากการสอบสวนนายทวีสิทธิ์ให้การรับสารภาพว่า เข้าไปลักทรัพย์ในกุฏิเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม มาแล้ว 3 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้เคยเข้าไปขโมยทรัพย์สินในวัดแก้วแจ่มฟ้า วัดมหาพฤฒาราม และวัดปทุมคงคามาแล้ว เมื่อได้ทรัพย์สินมาก็จะเอาไปขายย่านเยาวราช หรือนำไปปล่อยที่ตลาดมืด เช่น คลองถม คลองหลอด โดยไม่ได้สนใจว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่มีมูลค่าเท่าไหร่ เมื่อได้เงินมาก็จำเอาไปใช้จ่ายกินเที่ยว และโอนให้นายณรงค์พี่เขยใช้ด้วย
ส่วนสาเหตุที่ทำไปก็เพราะที่ผ่านมาตนเคยเข้าไปขอข้าววัดดังกล่าวมากินเป็นประจำทุกวัน และได้สังเกตเห็นทรัพย์สินในกุฏิมีเป็นจำนวนมากเลยเกิดความโลภอยากได้ขึ้นมา ประกอบกับตนเข้าออกวัดเหล่านี้เป็นประจำทำให้รู้เวลาเข้าออกของพระแต่ละกุฏิเป็นอย่างดี จึงอาศัยเวลาที่พระแต่ละรูปไม่อยู่กุฏิแอบเข้าไปขโมยทรัพยสินออกมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานต่อนายทวีสิทธิ์ และแจ้งข้อหารับของโจรต่อนายณรงค์ ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (3 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.ยานนาวา พ.ต.อ.เสถียร ตัณฑะกุล ผกก.สน.ยานนาวา พ.ต.ท.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ สว.สส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายทวีสิทธิ์ หรือกี เมธา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117/41 ซอยชินเขต 2/6 ถนนงามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ และนายณรงค์ ดีมั่น อายุ 42 ปี อยู่ห้องเลขที่ 217 เดอะเมโทรเพลสคอนโดมีเนียม ย่านสาทร พร้อมของกลางมีดลงอาคมจำนวน 2 เล่ม กล้องถ่ายรูปยี่ห้อ Petri จำนวน 1 ตัว เงินสดจำนวน 180,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และเหรียญหลวงปู่แหวนนับอีก 100 องค์ และพระเครื่องเก่าแก่ต่างๆ อีกมูลค่านับแสนบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 430,000 บาท
พ.ต.อ.เสถียร เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 06.00-06.30 น.ของวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร ได้เงินสดไปจำนวน 180,000 บาท พระเครื่องเก่าแก่ และทรัพย์สินของมีค่าอื่นไปอีกจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา จึงเข้าไปตรวจสอบภายในวัด ก็พบหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวัดขณะที่นายทวีสิทธิ์กำลังงัดช่องลมของกุฎิเจ้าอาวาส แล้วเข้าไปรื้อค้นก่อนขโมยทรัพย์สินหลบหนีไป
พ.ต.อ.เสถียร กล่าวต่อว่า หลักงจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่านายทวีสิทธิ์พักอาศัยอยู่ที่บริเวณใต้ทางด่วนพระราม 4 จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้พร้อมของกลางทรัพย์สินของกุฏิเจ้าอาวาสบางส่วน ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนขยายผล โดยเจ้าตัวสารภาพว่าได้นำทรัพย์สินบางส่วนที่ลักมาไปขายและโอนเงินให้นายณรงค์ ผู้เป็นพี่เขยไปดาวน์รถแท็กซี่ออกมาขับขี่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมนายณรงค์
จากการสอบสวนนายทวีสิทธิ์ให้การรับสารภาพว่า เข้าไปลักทรัพย์ในกุฏิเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม มาแล้ว 3 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้เคยเข้าไปขโมยทรัพย์สินในวัดแก้วแจ่มฟ้า วัดมหาพฤฒาราม และวัดปทุมคงคามาแล้ว เมื่อได้ทรัพย์สินมาก็จะเอาไปขายย่านเยาวราช หรือนำไปปล่อยที่ตลาดมืด เช่น คลองถม คลองหลอด โดยไม่ได้สนใจว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่มีมูลค่าเท่าไหร่ เมื่อได้เงินมาก็จำเอาไปใช้จ่ายกินเที่ยว และโอนให้นายณรงค์พี่เขยใช้ด้วย
ส่วนสาเหตุที่ทำไปก็เพราะที่ผ่านมาตนเคยเข้าไปขอข้าววัดดังกล่าวมากินเป็นประจำทุกวัน และได้สังเกตเห็นทรัพย์สินในกุฏิมีเป็นจำนวนมากเลยเกิดความโลภอยากได้ขึ้นมา ประกอบกับตนเข้าออกวัดเหล่านี้เป็นประจำทำให้รู้เวลาเข้าออกของพระแต่ละกุฏิเป็นอย่างดี จึงอาศัยเวลาที่พระแต่ละรูปไม่อยู่กุฏิแอบเข้าไปขโมยทรัพยสินออกมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานต่อนายทวีสิทธิ์ และแจ้งข้อหารับของโจรต่อนายณรงค์ ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
