ม็อบชาวนาบุกกองปราบแจ้งจับ “สังศิต” หมิ่นฯแกนนำกินค่าหัวคิว

สมาชิกกองทุนฟิ้นฟูและพัฒนาเกษตรกรกว่า 300 คน บุกกองปราบแจ้งความจับ “สังศิต” รก.เลขากองทุนฯ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และหมิ่นประมาท กล่าวหาผู้แทนเกษตกรเรียกกินหัวคิวรายละหมื่น ตร.ต้องระดมคอมมาโดกว่า 100 นายดูแลความสงบ ก่อนรับเรื่องและสอบปากคำตัวแทนที่ร้องทุกข์ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชา

วันนี้ ( 2 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น.นางแสงอรุณ เข็มดี กรรมการจัดการหนี้ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พร้อมด้วย นายวัชรพงษ์ คงมั่น ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย เครือข่ายหนี้สินชาวนา และ นายนารายณ์พงศ์ ไชยเทพ กรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ และผู้แทนเกษตรกรภาคเหนือ พร้อมด้วยเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ กว่า 300 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.และ พ.ต.ท.สมบัติ มาลัย พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และข้อหาหมิ่นประมาท โดยนำสำเนาคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ สำเนาเช็คจ่ายเงิน ธ.ก.ส.และสำเนา นสพ.โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทางตำรวจกองปราบปรามได้ระดมกำลังจากหน่วยคอมมานโดกว่า 100 นายคอยดูแลรักษาความปลอดภัย

นางแสงอรุณ กล่าวว่า ตามที่ รศ.ดร.สังศิต ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ มีหน้าที่ควบคุมการใช้จ่ายเงินกองทุนฟื้นฟูฯ แต่กลับอนุมัติสั่งจ่ายเช็คซื้อหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กว่า 400 ล้านบาท โดยไม่ได้มีมติหรือความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ การกระทำของ รศ.ดร.สังศิต จึงเป็นการกระทำโดยพลการและเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากนี้ รศ.ดร.สังศิต ยังโอนเงินจากกองทุนฟื้นฟูฯ จำนวน 1,400 ล้านบาท มาบริหารจัดการหนี้เองทั้งที่ไม่มีอำนาจเพราะ รศ.ดร.สังศิต มีตำแหน่งเพียงรักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ โดยเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา รศ.ดร.สังศิต ยังได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยว่า มีการจ่ายเช็คให้ทาง ธ.ก.ส.แต่ตรวจสอบภายหลังกลับพบว่ายังไม่มีการจ่ายเงินจริง การแถลงข่าวดังกล่าวมีเจตนาเพียงต้องการให้กลุ่มสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ที่มารวมตัวกันชุมนุมที่บริเวณหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ สลายการชุมนุมเท่านั้น

ขณะที่ นายนารายณ์พงศ์ กล่าวว่า ตนเดินทางมาในนามผู้แทนเกษตรกรภาคเหนือ ซึ่งต้องปกป้องศักดิ์ศรีหลังจาก รศ.ดร.สังศิต ให้สัมภาษณ์ตีพิมพ์ในบทความ นสพ.โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 ว่า แกนนำเกษตรกรหรือผู้แทนเกษตรกร มีการเรียกเก็บเงินหัวคิวจากเกษตรกร ประมาณ 10-20% ของเงินที่กองทุนฟื้นฟูฯ จะซื้อหนี้จากเกษตรกร ทำให้ตนซึ่งเป็นผู้แทนเกษตรกรภาคเหนือ รวมทั้งผู้แทนเกษตรกรจากภาคต่างๆ ทั่วประเทศได้รับความเสียหาย

“ที่ผ่านมา มีการกล่าวหากันว่าผู้แทนเกษตรกรเรียกเก็บเงินจากเกษตรกรรายละ 10,000 บาท เพื่อแลกกับการที่เกษตรกรจะได้ขึ้นทะเบียนหนี้กับกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด การที่ รศ.ดร.สังศิต กล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานทำให้พวกผมได้รับความเสื่อมเสียและมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้นตนจึงต้องแจ้งความดำเนินคดีกับ รศ.ดร.สังศิต ในข้อหาหมิ่นประมาท” นายนารายณ์พงศ์ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้และสอบปากคำตัวแทนสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ก่อนรายงานให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป