นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปฏิเสธไม่ทราบเรื่องการจับแกนนำเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย กรณีเรียกรับค่าหัวคิว ในการพาเกษตรกรเดินทางมาชุมนุม หลังเกษตรกรเครือข่ายหนี้สินชาวนาชุมนุมขับไล่ นายสังศิตให้ออกจากตำแหน่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่า การมาดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการกองทุนฯ ในสำนักงานกองทุนฟื้นฟู ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟู ตามข้อกล่าวหาของแกนนำเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย เนื่องจากเป็นการมาดำรงตำแหน่งเพียงแค่รักษาการเท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าในการรับซื้อหนี้เกษตรกร สมาชิกกองทุนฯ นายสังศิต ชี้แจงว่า ขณะนี้สำนักงานกองทุนได้รับเช็กมูลค่ากว่า 607 ล้านบาท จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อนำไปซื้อหนี้คืนจากเจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกแล้ว เพื่อซื้อหนี้ให้เกษตรกรจำนวน 1,187 ราย ที่ขึ้นทะเบียนไว้ โดยจะสามารถเริ่มทยอยโอนเงินให้กับเจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกที่กองทุนเจรจาขอซื้อหนี้ดังกล่าว ได้ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป ซึ่งประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สหกรณ์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. และบุคคลภายนอกอีก 4 ราย
ส่วนการเจรจากับเจ้าหนี้ในส่วนที่เป็นบุคคลภายนอกที่เหลืออีก 42 รายนั้น นายสังศิตยอมรับว่า ค่อนข้างยาก เพราะบุคคลเหล่านี้ยังไม่ยินยอมขายหนี้ให้กับกองทุน และวันพรุ่งนี้จะมีการเจรจากับเจ้าหน้าหนี้ทั้งหมด เพื่อขอคำยืนยันขายหนี้ให้กับกองทุนอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าในการรับซื้อหนี้เกษตรกร สมาชิกกองทุนฯ นายสังศิต ชี้แจงว่า ขณะนี้สำนักงานกองทุนได้รับเช็กมูลค่ากว่า 607 ล้านบาท จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อนำไปซื้อหนี้คืนจากเจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกแล้ว เพื่อซื้อหนี้ให้เกษตรกรจำนวน 1,187 ราย ที่ขึ้นทะเบียนไว้ โดยจะสามารถเริ่มทยอยโอนเงินให้กับเจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกที่กองทุนเจรจาขอซื้อหนี้ดังกล่าว ได้ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป ซึ่งประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สหกรณ์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. และบุคคลภายนอกอีก 4 ราย
ส่วนการเจรจากับเจ้าหนี้ในส่วนที่เป็นบุคคลภายนอกที่เหลืออีก 42 รายนั้น นายสังศิตยอมรับว่า ค่อนข้างยาก เพราะบุคคลเหล่านี้ยังไม่ยินยอมขายหนี้ให้กับกองทุน และวันพรุ่งนี้จะมีการเจรจากับเจ้าหน้าหนี้ทั้งหมด เพื่อขอคำยืนยันขายหนี้ให้กับกองทุนอีกครั้ง
