ผู้เฒ่านิรนามโดยสารรถตู้จากย่ายธัญบุรีคลอง 11 มาลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระหว่างทางเผลอหลับไป พอถึงปลายทางโชเฟอร์ไปปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น จนพบว่าหมดลมหายใจแล้ว พากันแจ้งตำรวจไปตรวจสอบ แต่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.45 น. ร.ต.ท.คมกฤษ โพธิ์ศรี ร้อยเวร สน.พญาไท รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตในรถตู้โดยสาร เหตุเกิดบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงราชเทวี เขตพญาไท กทม.จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนช่วงวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมุ่งหน้าสะพานควาย เจ้าหน้าที่พบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ หมายเลขทะเบียน 5 ฝ-3031 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในลักษณะเปิดไฟผ่าหมากทิ้งเอาไว้
จากการตรวจสอบที่เบาะโดยสารแถวที่ 2 พบศพชายนิรนามอายุประมาณ 55-60 ปี รูปร่างผอม ผิวดำ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าแตะสีน้ำตาล ที่นิ้วนางมือข้างซ้ายสวมแหวนเงินหัวนิล 1 วง สภาพศพคล้ายคนนอนหลับเอียงตัวพาดกับเบาะรถทางซ้าย และไม่พบบาดแผลตามร่างกายแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบกระเป๋าเป๋สีน้ำเงินใบใหญ่ของผู้ตาย พบยาเส้น 1 ชุด เสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน 1 ตัว กางเกงขาสั้นสีดำ 1 ตัว ผ้าขนหนูสีเขียว 1 ผืน และผ้าขาวม้าอีก 1 ผืน แต่ไม่พบเอกสารสำคัญที่ระบุว่าผู้ตายเป็นใคร เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวน นายวรรณนพ ชำนาญกิจ อายุ 33 ปี ชาว จ.นครนายก คนขับรถตู้ให้การว่ามีอาชีพขับรถตู้โดยสารสายบ้านนา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถคันดังกล่าวมาจาก ท่ารถ อ.บ้านนา จ.นครนายก ก่อนจะจอดแวะรับผู้ตายจากหน้าหมู่บ้านนริสรา ธัญบุรี คลอง 11 ขึ้นรถมาเมื่อเวลา 13.30 น.ซึ่งขณะนั้นเห็นผู้หญิงสาวคาดว่าน่าจะเป็นลูกสาวยืนรอรถเพื่อส่งผู้ตายด้วย จากนั้นก็ขับรถรับส่งผู้โดยสารมาตามทางเรื่อยมา จนกระทั่งถึงสุดปลายทางบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ขณะนั้นมีผู้โดยสารเหลืออยู่บนรถเพียง 3 คน คือผู้ตาย และหญิงสาวที่มากับลูกอีกคู่หนึ่ง
“เมื่อผมจอดรถให้ทุกคนลงปรากฏว่าผู้ตายกลับไม่ไหวติง ปลุกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น เมื่อลองเช็ดดูก็ไม่หายใจแล้วจึงรีบลงจากรถไปแจ้งตำรวจจราจรให้ช่วยเรียกร้อยเวรมาตรวจสอบ และจากการสอบถามผู้โดยสารหญิงที่มากับลูกได้ความว่า ระหว่างที่รถแล่นมาตามปกติเห็นผู้ตายหลับไปพร้อมเสียงกรน แต่พอรถวิ่งมาถึงปลายทางผู้ตายกลับหมดลมหายใจไปเอง” นายวรรณนพ กล่าว
ด้าน ร.ต.ท.คมกฤษ กล่าวว่า เบื้องต้นจะมอบศพผู้ตายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำส่งไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.รามาธิบดี เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนติดตามหาญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.45 น. ร.ต.ท.คมกฤษ โพธิ์ศรี ร้อยเวร สน.พญาไท รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตในรถตู้โดยสาร เหตุเกิดบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงราชเทวี เขตพญาไท กทม.จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนช่วงวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมุ่งหน้าสะพานควาย เจ้าหน้าที่พบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ หมายเลขทะเบียน 5 ฝ-3031 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในลักษณะเปิดไฟผ่าหมากทิ้งเอาไว้
จากการตรวจสอบที่เบาะโดยสารแถวที่ 2 พบศพชายนิรนามอายุประมาณ 55-60 ปี รูปร่างผอม ผิวดำ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าแตะสีน้ำตาล ที่นิ้วนางมือข้างซ้ายสวมแหวนเงินหัวนิล 1 วง สภาพศพคล้ายคนนอนหลับเอียงตัวพาดกับเบาะรถทางซ้าย และไม่พบบาดแผลตามร่างกายแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบกระเป๋าเป๋สีน้ำเงินใบใหญ่ของผู้ตาย พบยาเส้น 1 ชุด เสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน 1 ตัว กางเกงขาสั้นสีดำ 1 ตัว ผ้าขนหนูสีเขียว 1 ผืน และผ้าขาวม้าอีก 1 ผืน แต่ไม่พบเอกสารสำคัญที่ระบุว่าผู้ตายเป็นใคร เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวน นายวรรณนพ ชำนาญกิจ อายุ 33 ปี ชาว จ.นครนายก คนขับรถตู้ให้การว่ามีอาชีพขับรถตู้โดยสารสายบ้านนา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถคันดังกล่าวมาจาก ท่ารถ อ.บ้านนา จ.นครนายก ก่อนจะจอดแวะรับผู้ตายจากหน้าหมู่บ้านนริสรา ธัญบุรี คลอง 11 ขึ้นรถมาเมื่อเวลา 13.30 น.ซึ่งขณะนั้นเห็นผู้หญิงสาวคาดว่าน่าจะเป็นลูกสาวยืนรอรถเพื่อส่งผู้ตายด้วย จากนั้นก็ขับรถรับส่งผู้โดยสารมาตามทางเรื่อยมา จนกระทั่งถึงสุดปลายทางบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ขณะนั้นมีผู้โดยสารเหลืออยู่บนรถเพียง 3 คน คือผู้ตาย และหญิงสาวที่มากับลูกอีกคู่หนึ่ง
“เมื่อผมจอดรถให้ทุกคนลงปรากฏว่าผู้ตายกลับไม่ไหวติง ปลุกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น เมื่อลองเช็ดดูก็ไม่หายใจแล้วจึงรีบลงจากรถไปแจ้งตำรวจจราจรให้ช่วยเรียกร้อยเวรมาตรวจสอบ และจากการสอบถามผู้โดยสารหญิงที่มากับลูกได้ความว่า ระหว่างที่รถแล่นมาตามปกติเห็นผู้ตายหลับไปพร้อมเสียงกรน แต่พอรถวิ่งมาถึงปลายทางผู้ตายกลับหมดลมหายใจไปเอง” นายวรรณนพ กล่าว
ด้าน ร.ต.ท.คมกฤษ กล่าวว่า เบื้องต้นจะมอบศพผู้ตายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำส่งไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.รามาธิบดี เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนติดตามหาญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป