ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้รอลงอาญา 2 ปี “ทวี ไกรคุปต์” อดีต ส.ส.ราชบุรี ปชป.หลายสมัย หมิ่น “เทพเทือก” ขณะเป็น รมว.คมนาคม เมื่อปี 43 กล่าวว่าพฤติการณ์ส่อทุจริตโครงการโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมอีริเดียม เจ้าตัวเผยเป็นคนเริ่มคัดค้านและโครงการยุติแล้วถือว่าประสบความสำเร็จ แม้ศาลจะพิพากษาแก้โทษศาลชั้นต้น-ศาลอุทธรณ์ที่แค่สั่งปรับ 5 พัน
วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ด.8686/2543 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทวี ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์, นายสุชาติ ศรีสุวรรณ อดีตบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์มติชน และนายไพฑูรย์ สุนทร อดีตบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา โดยโจทก์ ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 2 พ.ย.43 สรุปว่า เมื่อวันที่ 30-31 ต.ค.43 เวลากลางวัน พวกจำเลยได้หมิ่นประมาทโจทก์ ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม โดยลงพิมพ์บทความใน นสพ.มติชน ว่าโจทก์มีพฤติการณ์ทุจริตในโครงการโทรศัพท์ผ่านสัญญาณดาวเทียมอีริเดียม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.ย.46 ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ส่วนจำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร มาตรา 328 และ พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ให้จำคุก จำเลยที่ 1-3 คนละ 3 เดือน และปรับคนละ 5,000 บาท แต่โทษจำคุกให้ยก คงโทษปรับสถานเดียว ตามมาตรา 55 และให้ลงคำพิพากษาใน นสพ.มติชน, ไทยรัฐ เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยจำเลยได้ชำระค่าปรับแล้วตามคำพิพากษา ต่อมาโจทก์-จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีพิพากษาเมื่อวันที่ 25 เม.ย.48 แก้ว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตาม มาตรา 328 โดยการลงโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ต่อมาโจทก์-จำเลยยื่นฎีกา โดยโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 สถานหนักและไม่ให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมหารือแล้วเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 328 แล้วศาลอุทธรณ์ยังให้คงลงโทษจำเลยที่ 1 ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้น ตามพฤติการณ์แห่งคดี ศาลฎีกาเห็นว่า การลงโทษเบาเกินไป ซึ่งกรณีไม่มีเหตุสมควรยกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และจำเลยเป็น ส.ส.หลายสมัย ซึ่งเคยทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะลงการลงโทษจำเลยที่ 1 ฎีกาของโจทก์ จึงฟังขึ้นแค่เพียงบางส่วน ศาลฎีกา จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ยกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 โดยให้รอการลงโทษจำเลยที่ 1 กำหนด 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-3 พิพากษาให้ยกฟ้อง (โจทก์ยื่นขอถอนฟ้อง เมื่อปี 2549)
ขณะที่ นายทวีกล่าวถึงโครงการโทรศัพท์ผ่านสัญญาณดาวเทียมอีริเดียมว่า เมื่อช่วงที่เริ่มโครงการตนได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมองว่าจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย เกือบพันล้านบาท จนในที่สุดโครงการดังกล่าวได้ยุติไป ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จของตนในการทำหน้าที่ ส.ส. ดังนั้น แม้ว่าคำพิพากษาของศาลออกมาเช่นนี้ก็ไม่เป็นไร