ศาลแขวงพระนครเหนือ พิพากษาคุก 6 เดือน ปรับหมื่นบาท สี่ถ่อยแดงฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชุมนุมปิดถนนสามเหลี่ยมดินแดง ช่วงสงกรานต์ รับสารภาพ ศาลลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือคุกคนละ 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ไม่เคยต้องโทษอาญามาก่อน ให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี สั่งรอลงอาญาคนละ 1 ปี
วันนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 27 ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่ ว.5333/2552 พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงพระนครเหนือ นำตัว นายไพโรจน์ งามวิเศษ, นายทองสุข ดีสุย, นายโกสน ธีรธรรมพร และนายจัน ควรมูล ผู้ร่วมชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 ที่ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และความผิดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และ 216
คดีนี้พนักงานอัยการฟ้องต่อศาลด้วยวาจา สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย.52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ในเขต กทม. และปริมณฑล โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 ห้ามมิให้มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปร่วมชุมนุม และใช้กำลังประทุษร้าย ต่อมาเมื่อวันที่ 13 เม.ย. เวลา 04.00 น. จำเลยกับพวกเกินกว่า 10 คน ซึ่งยังหลับหนีอยู่ ได้ร่วมกันทำการชุมนุมและใช้กำลังประทุษร้าย โดยปิดถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า และถนนดินแดง รวมทั้งบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง แขวงดินแดง เขตพญาไท กทม. ซึ่งการชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารได้เข้าห้ามปรามสั่งให้เลิกแล้ว แต่จำเลยกับพวกไม่ยอมเลิก จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบคำแถลงรับสารภาพแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสี่ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเหตุการณ์ก่อความไม่สงบของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนสำนวนคดีที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งคดีนี้เป็นหนึ่งในสำนวนคดีที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ขณะที่คดีของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ฉายา “แรมโบ้อีสาน” อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน แกนนำ นปช.ในความผิดเดียวกัน อยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งคดีของอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) ซึ่งนายสุภรณ์ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ โดยอัยการนัดสั่งคดี 21 พ.ค.นี้
วันนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 27 ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่ ว.5333/2552 พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงพระนครเหนือ นำตัว นายไพโรจน์ งามวิเศษ, นายทองสุข ดีสุย, นายโกสน ธีรธรรมพร และนายจัน ควรมูล ผู้ร่วมชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 ที่ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และความผิดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และ 216
คดีนี้พนักงานอัยการฟ้องต่อศาลด้วยวาจา สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย.52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ในเขต กทม. และปริมณฑล โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 ห้ามมิให้มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปร่วมชุมนุม และใช้กำลังประทุษร้าย ต่อมาเมื่อวันที่ 13 เม.ย. เวลา 04.00 น. จำเลยกับพวกเกินกว่า 10 คน ซึ่งยังหลับหนีอยู่ ได้ร่วมกันทำการชุมนุมและใช้กำลังประทุษร้าย โดยปิดถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า และถนนดินแดง รวมทั้งบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง แขวงดินแดง เขตพญาไท กทม. ซึ่งการชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารได้เข้าห้ามปรามสั่งให้เลิกแล้ว แต่จำเลยกับพวกไม่ยอมเลิก จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบคำแถลงรับสารภาพแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสี่ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเหตุการณ์ก่อความไม่สงบของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนสำนวนคดีที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งคดีนี้เป็นหนึ่งในสำนวนคดีที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ขณะที่คดีของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ฉายา “แรมโบ้อีสาน” อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน แกนนำ นปช.ในความผิดเดียวกัน อยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งคดีของอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) ซึ่งนายสุภรณ์ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ โดยอัยการนัดสั่งคดี 21 พ.ค.นี้