ตำรวจกาฬสินธุ์ผู้ต้องหาฆ่าแขวนคอวัยรุ่น อ้างติดภารกิจศึกษาดูงานและภารกิจเร่งด่วนในพื้นที่ เลื่อนเข้ามอบตัวกับดีเอสไอคดีไปเป็นเดือนมิถุนายน
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ เปิดเผยถึงคดีฆ่าแขวนคอวัยรุ่นในจังหวัดกาฬสินธุ์ กรณีนายเกียรติศักดิ์ หรือเอ็กซ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ว่า ผู้ต้องหาอีก 3 ราย ซึ่งเป็นตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ชุดสืบสวนกุหลาบ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ประกอบด้วย นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ยศพันตำรวจเอก 1 ราย และพันตำรวจโท 2 ราย ขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวน โดย 1 ราย อ้างว่าอยู่ระหว่างการศึกษาดูงาน ซึ่งเป็นภารกิจที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนอีก 2 ราย อ้างว่าได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติภารกิจสำคัญเร่งด่วนในพื้นที่ โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 จะขอเลื่อนนัดเข้ามอบตัวไปในเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตาม ตนได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบรายละเอียดและหลักฐานในสำนวนคดีว่าจะต้องออกหมายเรียกบุคคลใดมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาแล้ว 6 ราย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้นำตัวผู้ต้องหาชุดแรก 3 ราย ไปขอฝากขังต่อศาลอาญา ประกอบด้วย ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 45 ปี ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง อายุ 40 ปี และ ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 39 ปี ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ในคดีคดีร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ โดยเจตนา โดยใช้เชือดรัดคอ แล้วนำศพไปแขวนคออำพรางคดีว่าฆ่าตัวตาย
สำหรับการเสียชีวิตปริศนาของวัยรุ่นอายุระหว่าง 17-18 ปี อีก 21 ศพ ในท้องที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2547-2548 และถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับเหตุฆ่าตัดตอนในสงครามยาเสพติด ซึ่งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายให้ลดเป้าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งในส่วนของผู้ค้าและผู้เสพ โดยข้อมูลจากการสืบสวนพบว่า คดีวัยรุ่นเสียชีวิตส่วนหนึ่งจะเกิดขึ้นหลังได้รับการประกันตัว ซึ่งหากผู้ตายเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็จะถูกยิงเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ตายมีประวัติเกี่ยวกับคดีอาญาอื่นๆ เช่น ลักทรัพย์ หรือวิ่งราวทรัพย์ ก็จะถูกฆ่าแขวนคอ ซึ่งในชั้นสอบสวนตำรวจท้องที่ขอยุติการสอบสวน เนื่องจากไม่พบหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิด