ชาวบ้านประจันตคาม ปราจีนบุรี แห่ร้องดีเอสไอตรวจสอบเงินฝากรูปแบบสัจจะออมทรัพย์บ้านเนินมะไฟ แฉกองทุนไม่ให้สมาชิกเบิกเงิน ยึดโฉนดที่ดินค้ำประกันเงินกู้ แถมข่มขู่ทวงหนี้ เสียหายกว่า 36 ล้านบาท ขณะที่ดีเอสไอสอบพบถูกหลอกให้ลงทุนฝากเงิน แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ เชื่อนำเงินไปหมุนใช้อย่างอื่น เข้าข่ายผิดฉ้อโกงประชาชน
วันนี้ (18 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายธารา อุษาอาคเนย์ พร้อมด้วยชาวบ้านหมู่ 1-2 ต.ประจันตคาม และหมู่ 1-13 ต.คำโตนด อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้เข้าไปตรวจสอบกรณีที่ชาวบ้านได้เข้ากลุ่มออมทรัพย์ กับคณะกรรมการบริหารเงินออมทรัพย์บ้านเนินมะไฟหมู่ 9 โดยมีผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการกองทุนโฆษณาชวนเชื่อให้ชาวบ้านร่วมออมทรัพย์ ซึ่งระบุว่าเป็นการออมเงิน ฝากเงิน กู้เงินและถอนเงิน พร้อมให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อเดือน แบบสัจจะพิเศษฝากเงิน จำนวน 1,000 บาทขึ้นไป และแบบสัจจะธรรมดาฝากเงินตั้งแต่ 20 บาท ขึ้นไปดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาทต่อปี และจะปันผลให้ทุกเดือน ม.ค.และเดือน ก.ค. ของทุกปี พร้อมให้สวัสดิการอื่น จนทำให้ชาวบ้านร่วมฝากเงินเข้ากองทุนดังกล่าวทั้งสิ้น 700 คน จำนวน 2,044 บัญชี มูลค่าความเสียหาย 36 ล้านบาท
นายธารากล่าวว่า กองทุนดังกล่าวได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2535 แต่เริ่มมีความผิดปกติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยผู้ใหญ่บ้านที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ อ้างว่ามีธนาคารออมสินเป็นพี่เลี้ยงโครงการ โดยได้นำเงินกองทุนไปซื้อสมุดเงินฝากออมทรัพย์จากธนาคารออมสิน สาขาประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้าน และชาวบ้านบางรายนำโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้จากกองทุนดังกล่าวกับผู้ใหญ่บ้าน จนต่อมาผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวยึดโฉนดที่ดินของชาวบ้านที่เป็นสมาชิกและนำไปค้ำประกันเงินกู้หลายราย นอกจากนี้ยังเกิดการข่มขู่ทวงหนี้ ซึ่งชาวบ้านได้รวมตัวกันร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่แต่เรื่องเงียบหาย จนกระทั่งนายธวัชชัย เทริดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี แนะนำให้มาร้องเรียนต่อดีเอสไอ
ด้าน พ.อ.ปิยวัฒก์ กิ่งเกตุ ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวว่า จากการการสอบปากคำผู้ร้องเรียนพบว่า มีชาวบ้านจำนวนมากใน อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี และ จ.ฉะเชิงเทราถูกหลอกให้นำเงินไปลงทุนในรูปแบบการฝากเงินออมทรัพย์ดังกล่าว โดยมีนายบัวเรียน ตงฉิน ผู้ใหญ่บ้าน ต.คำโตนด หมู่ที่ 9 เป็นประธานคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์ แต่ปรากฏว่าเมื่อฝากเงินแล้วไม่สามารถถอนเงินได้ หรือเมื่อผู้ฝากขอถอนเงิน 300,000 บาท แต่ได้เงินเพียง 100,000 บาท เชื่อว่าน่าจะมีการนำเงินไปหมุนใช้ประโยชน์อย่างอื่น โดยพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีการโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนนำเงินมาฝากเหมือนกับการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงิน
