รวบแก๊งค้ามนุษย์หลอกทำงานเรือประมง เหยื่อเผยถูกบังคับให้ทำงานตลอดเวลาแม้ขณะป่วยยังถูกไต๋กงใช้มีดจี้คอและทำร้ายจนทนไม่ไหวกระโดดหนีตายลอยคอเข้าฝั่งมาเลเซียก่อนเข้าแจ้งความตำรวจ
วันนี้ ( 15 พ.ค.) ที่ บก.ปดส.พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รอง ผบก.ปดส.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทินกร มั่งคั่ง ผกก.3 บก.ปดส.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสุดใจ หรือเพชร วิชัยวงษ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 283 หมู่ 2 ต.ยางศาร อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1293/2552 และ นายอุทัย หรือใหญ่ สุชาติพงษ์ อายุ 52 ปี อยู่เลขที่ 164 หมู่ 1 ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1175/2552 ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง ขณะกำลังหลอกเหยื่อ
ก่อนหน้านี้ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปดส.ว่าถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกลวงให้ไปทำงานเป็นลูกเรือประมงอยู่ในน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้านเช่นมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม โดยไม่ได้เงินค่าจ้างและถูกบังคับให้ทำงานทั้งวันทั้งคืน ให้กินข้าววันละ 2 มื้อ อีกทั้งยังห้ามไม่ให้ขึ้นฝั่งอีกด้วย เมื่อลากอวนไปได้สัก 1 เดือน ก็จะมีเรือทัวร์มาส่งเสบียง พร้อมทั้งนำปูปลาที่จับได้ไปขาย หากลูกเรือรายใดป่วยหรือทำงานไม่ไหวก็จะถูกผู้คุมเฆี่ยนตี เหยื่อทนไม่ไหวกระโดดน้ำหนีลอยคอกลางทะเล จนเรือประมงลำอื่นมาเห็นและช่วยเหลือพาเข้าฝั่ง จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัว นายชัยรัตน์ นวนปาน อายุ 49 ปี นายหน้าค้าแรงงานใน จ.สงขลา นายวิสุทธิ์ เอี่ยมปิ่น อายุ 40 ปี และ นายเจน ขุมทรัพย์ อายุ 44 ปี จักรยานยนต์รับจ้างที่ออกหาเหยื่อตามสถานีรถไฟหัวลำโพงและสนามหลวง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นางสุมาลี หรือเจ๊แตน พุ่มทอง อายุ 53 ปี นายหน้าจัดหางานเถื่อนในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ก่อนจะขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการโดยพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ร่วมกระทำความผิดจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายศาลติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง
นายสมพงษ์ ควนชม อายุ 23 ปี ชาว จ.สุรินทร์ หนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกแก๊งค้ามนุษย์ดังกล่าวหลอกลวง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ได้เดินทางมาจาก จ.สุรินทร์ ถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อมาหางานทำ ระหว่างนั้นได้พบกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งชักชวนให้ไปทำงานก่อสร้าง โดยตนจะได้รับเงินเดือน ๆ ละ 7,000 บาท เมื่อตกลงทำงานแล้วก็ถูกส่งตัวไปพบกับนางสุมาลี ที่ จ.สมุทรสาคร ต่อมาจึงถูกพาไปพักที่บ้านหลังหนึ่งโดยมีเพื่อนแรงงานอีก 17 คน กระทั่งประมาณ 1 สัปดาห์ ตนกับแรงงานทั้งหมดได้ถูกพาไปขึ้นเรือขนสินค้าที่ อ.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากขี้นเรือขนสินค้าแล้วได้ถูกพาไปขึ้นเรือประมงออกทะเล ระหว่างนั้นก็จะถูกแยกตัวไปตามเรือประมงมีอยู่อีกนับ 10 ลำ ลอยอยู่กลางทะเล โดยตนถูกพาไปขึ้นเรือประมงชิ่อ “ลาภพัฒนา 1” มีไต๋กงและนายท้ายรวม 15 คน ทำงานลากอวนหาปลาต้องทำงานทุก ๆ 4 ชั่วโมง และต้องเก็บอวนคัดปลา หากงานยังไม่เสร็จก็ต้องทำชดเชย แต่ถ้างานเสร็จก่อนก็จะได้พัก ซึ่งตนต้องทำงานอยู่เช่นนี้ตลอดทั้งวันทั้งคืน หากแรงงานคนไหนไม่สบายทำงานไม่ไหวก็จะถูกทุบตีทำร้ายร่างกายจนมีแรงงานบางคนกระโดดน้ำหลบหนี
“ผมถูกนายท้ายใช้มีดจี้คอและถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งแรงงานทุกคนก็จะถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ในระหว่างที่มีการนำเรือมาเทียบขนถ่ายปลา แรงงานบางคนก็ถูกขอบเรือที่เข้าเทียบบีบจนเสียชีวิตอีกด้วย” นายสมพงษ์ กล่าวและว่า
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ตนได้อาศัยจังหวะที่นายท้ายเรือเผลอ ใช้ถุงยางใส่ปลาที่มีลักษณะเป็นหูหิ้วเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ลอยคออยู่กลางทะเลเพื่อหลบหนี กระทั่งถึงฝั่งที่จังหวัดตันหยง ประเทศมาเลเซีย และต้องอาศัยอยู่ในป่า 2 วันจึงตัดสินใจออกมาให้ตำรวจมาเลเซียจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ถูกจำคุก 2 เดือน จึงมีการส่งตัวกลับมาด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา จากนั้นจึงมีการประสานตำรวจ บก.ปดส.สอบสวนและติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์รายนี้ไว้ได้
สอบสวนนายสุดใจ ให้การปฏิเสธว่า ได้รับจัดหางานโดยมีผู้ให้ช่วยหาแรงงานไปเป็นลูกเรือประมงโดยตนจะได้ค่าหัวคิวรายละ 2,000 บาท ส่วนลูกเรือประมงที่หลบหนีมานั้นตนไม่ทราบ ขณะที่ นายอุทัย ให้การปฏิเสธโดยระบุว่า รับจัดหางานที่สถานีรถไฟหัวลำโพงมากว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันตนถูกถอนใบอนุญาต แต่ก็ยังคงทำหน้าที่นายหน้าจัดหางาน ส่วนใหญ่เป็นงานด้านรักษาความปลอดภัย และทำสวน ได้ค่าหัวคิวรายละ 500 บาท สำหรับกรณีแรงงานที่ทำงานเรือประมงตนไม่เคยจัดหาแรงงานประเภทนี้แต่อย่างใด
จับ 2 นายหน้าหลอกทำงานบนเรือประมง อ้างรายได้ดี
ปดส.บุกจับนายหน้าหลอกแรงงานลงเรือประมง บังคับไม่ให้ขึ้นฝั่งนานนับปี
