“ลีเดีย” ขึ้นศาลเป็นพยานชั้นไต่สวนคดี ฟ้อง “หมอกฤษฏ์ คอมเฟิร์ม” ทำนายชะตากล่าวหาตั้งท้อง ยันคู่กรณีจ้องดูดวงดาราหวังเกาะกระแสดัง สร้างความเสียหายทั้งชื่อเสียง และสภาพจิตใจ ศาลนัดฟังคำสั่งรับฟ้องหรือไม่ 7 พ.ค.นี้
วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ อ.4878/2551 ที่ น.ส.ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา หรือ ลีเดีย นักร้องสาวชื่อดังเป็นโจทก์ฟ้อง นายศุภกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์ หรือ หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทกรณีออกมาทำนายว่านักร้องสาวมีเกณฑ์ตั้งครรภ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้คู่ความเดินทางมาศาลทั้งสองฝ่าย โดยฝ่าย น.ส.ศรัณย์รัชต์ มี นายไชยยันต์ วิสุทธิธาดา และ นางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา บิดา และมารดา เดินทางมาให้กำลังใจด้วย ขณะที่ฝ่าย นายศุภกฤษฏ์ ก็มีญาติสนิทเดินทางมาให้กำลังใจเช่นกัน
การไต่สวนนัดนี้ทนายความโจทก์ นำ น.ส.ศรัณย์รัชต์ ขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์เพียงปากเดียว สรุปว่า ตนเองได้รับฉายาในวงการบันเทิงว่าเป็นเจ้าหญิงอาร์แอนด์บี ที่มาจากสไตล์การร้องเพลง ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้มีกระแสข่าวลือว่าตนเป็นภรรยาน้อยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเรื่องของเกมการเมือง ทั้งนี้ เป็นเพราะครอบครัวตนและครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ มีความคุ้นเคยกัน ต่อมามีข่าวลือว่าตนตั้งท้อง ประกอบกับได้รับเชิญไปร้องเพลงที่ประเทศมาเลเซีย แต่เกิดมีปัญหากับทีมงานจึงไม่ได้ร้องเพลง แต่กลับมีข่าวว่าตนไปทำแท้งที่ประเทศมาเลเซีย ขณะนั้นไม่มีสื่อมวลชนใดยืนยันข่าวลือดังกล่าวกระทั่งระหว่างวันที่ 20-25 พ.ย.2551 ผู้สื่อข่าวของรายการทีวีพูล ไลฟ์ ทาง ททบ.5 ไปสัมภาษณ์จำเลย โดยจำเลยได้ทำนายดวงชะตาว่า “ลีเดีย ท้อง คอนเฟิร์ม อย่างไม่กลัวว่าจะทายผิด” ซึ่งการทำนายดังกล่าวไม่มีการมาขออนุญาตตนแต่อย่างใด อีกทั้งการทำนายของจำเลยไม่เหมือนหมอดูทั่วไป ที่จะต้องดูตามวัน เดือน ปีเกิด แต่เป็นการทำนายตามนาฬิกาที่จำเลยยกมากล่าวอ้าง
น.ส.ศรัณย์รัชต์ เบิกความด้วยว่า เข้าใจว่า ที่จำเลยต้องการทำนายดวงชะตาคนที่มีชื่อเสียง เพราะต้องการเกาะดาราดัง เป็นการหาประโยชน์จากชื่อเสียงของตนเอง โดยก่อนหน้านั้นจำเลยยังเคยทำนายดวงชะตาของดาราคนดังอย่าง ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ดาราสาวช่อง 7 ว่า เป็นซีสในร่างกาย ทำให้ ชมพู่ เกิดความเครียด จนต้องไปตรวจร่างกายมาแล้ว อีกทั้งจำเลยเองก็ได้บันทึกไว้ในหนังสือประวัติส่วนตัว ว่า ต้องการเกาะดาราดัง ซึ่งที่ผ่านมาในแวดวงของโหราศาสตร์ได้วิพากษ์วิจารณ์ของทำนายดวงชาตะของจำเลย ว่าเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณอีกด้วย คำทำนายของจำเลยที่ทายตนนั้นไม่เป็นความจริง ตนได้รับผลกระทบในชื่อเสียง จิตใจ คนในครอบครัวได้รับความเสียหายจนต้องนำคดีมาฟ้องศาล ขณะเดียวกัน ตนได้ยื่นฟ้องแพ่งดำเนินคดีกับจำเลย ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ส่วนจำเลยเอง ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ดำเนินคดีกับตน และ นายแมทธิว ดีน แฟนหนุ่ม ที่ออกมาแถลงข่าวโต้แทนตน เรียกเงินจำนวน 100 ล้านบาท และฟ้อง นางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา มารดาของตน จำนวนค่าเสียหาย 100 ล้านด้วย ซึ่งคดีดังกล่าวศาลแขวงปทุมวันมีคำสั่งไม่รับฟ้องไปแล้ว
หลังพยานเบิกความเสร็จ ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง น.ส.ศรัณย์รัชต์ กล่าวว่า การไต่สวนในวันนี้ได้พูดไปตามความจริงทั้งหมด เมื่อพูดความจริงแล้วจึงไม่ต้องกลัวอะไร ส่วนเรื่องราวที่มีการฟ้องร้องกันนั้น ส่งผลให้ตนเองเครียดบ้าง เพราะไม่เคยขึ้นศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีทางไกล่เกลี่ยกันได้หรือไม่ น.ส.ศรัณย์รัชต์ กล่าวว่า การที่ หมอกฤษฏ์ มาฟ้องกลับ ทั้งแฟนหนุ่มและมารดาตนนั้น ทำให้การไกล่เกลี่ยน่าจะยาก แต่ก็อยากให้คดีจบลงเร็วๆ โดยในวันนี้ไม่ได้ทักทายกับคู่กรณีไม่ได้มองหน้าเขาเลย
ด้าน นายศุภกฤษฏ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ตนจึงยังไม่มีโอกาสได้พูดอะไร ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร จะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่ ส่วนเรื่องสภาพจิตใจตอนนี้ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว ส่วนเรื่องงานตอนนี้ก็มีเข้ามาเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่า สัปดาห์หนึ่ง 7 วัน ตนไม่มีวันว่างเลย และในวันที่ 7 พ.ค.ที่ศาลนัดฟังคำสั่งนั้นตนคงไม่เดินทางมาด้วยตัวเองเนื่องจากติดงาน แต่จะมอบอำนาจให้ทีมทนายความมาฟังคำสั่งแทน
วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ อ.4878/2551 ที่ น.ส.ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา หรือ ลีเดีย นักร้องสาวชื่อดังเป็นโจทก์ฟ้อง นายศุภกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์ หรือ หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทกรณีออกมาทำนายว่านักร้องสาวมีเกณฑ์ตั้งครรภ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้คู่ความเดินทางมาศาลทั้งสองฝ่าย โดยฝ่าย น.ส.ศรัณย์รัชต์ มี นายไชยยันต์ วิสุทธิธาดา และ นางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา บิดา และมารดา เดินทางมาให้กำลังใจด้วย ขณะที่ฝ่าย นายศุภกฤษฏ์ ก็มีญาติสนิทเดินทางมาให้กำลังใจเช่นกัน
การไต่สวนนัดนี้ทนายความโจทก์ นำ น.ส.ศรัณย์รัชต์ ขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์เพียงปากเดียว สรุปว่า ตนเองได้รับฉายาในวงการบันเทิงว่าเป็นเจ้าหญิงอาร์แอนด์บี ที่มาจากสไตล์การร้องเพลง ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้มีกระแสข่าวลือว่าตนเป็นภรรยาน้อยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเรื่องของเกมการเมือง ทั้งนี้ เป็นเพราะครอบครัวตนและครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ มีความคุ้นเคยกัน ต่อมามีข่าวลือว่าตนตั้งท้อง ประกอบกับได้รับเชิญไปร้องเพลงที่ประเทศมาเลเซีย แต่เกิดมีปัญหากับทีมงานจึงไม่ได้ร้องเพลง แต่กลับมีข่าวว่าตนไปทำแท้งที่ประเทศมาเลเซีย ขณะนั้นไม่มีสื่อมวลชนใดยืนยันข่าวลือดังกล่าวกระทั่งระหว่างวันที่ 20-25 พ.ย.2551 ผู้สื่อข่าวของรายการทีวีพูล ไลฟ์ ทาง ททบ.5 ไปสัมภาษณ์จำเลย โดยจำเลยได้ทำนายดวงชะตาว่า “ลีเดีย ท้อง คอนเฟิร์ม อย่างไม่กลัวว่าจะทายผิด” ซึ่งการทำนายดังกล่าวไม่มีการมาขออนุญาตตนแต่อย่างใด อีกทั้งการทำนายของจำเลยไม่เหมือนหมอดูทั่วไป ที่จะต้องดูตามวัน เดือน ปีเกิด แต่เป็นการทำนายตามนาฬิกาที่จำเลยยกมากล่าวอ้าง
น.ส.ศรัณย์รัชต์ เบิกความด้วยว่า เข้าใจว่า ที่จำเลยต้องการทำนายดวงชะตาคนที่มีชื่อเสียง เพราะต้องการเกาะดาราดัง เป็นการหาประโยชน์จากชื่อเสียงของตนเอง โดยก่อนหน้านั้นจำเลยยังเคยทำนายดวงชะตาของดาราคนดังอย่าง ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ดาราสาวช่อง 7 ว่า เป็นซีสในร่างกาย ทำให้ ชมพู่ เกิดความเครียด จนต้องไปตรวจร่างกายมาแล้ว อีกทั้งจำเลยเองก็ได้บันทึกไว้ในหนังสือประวัติส่วนตัว ว่า ต้องการเกาะดาราดัง ซึ่งที่ผ่านมาในแวดวงของโหราศาสตร์ได้วิพากษ์วิจารณ์ของทำนายดวงชาตะของจำเลย ว่าเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณอีกด้วย คำทำนายของจำเลยที่ทายตนนั้นไม่เป็นความจริง ตนได้รับผลกระทบในชื่อเสียง จิตใจ คนในครอบครัวได้รับความเสียหายจนต้องนำคดีมาฟ้องศาล ขณะเดียวกัน ตนได้ยื่นฟ้องแพ่งดำเนินคดีกับจำเลย ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ส่วนจำเลยเอง ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ดำเนินคดีกับตน และ นายแมทธิว ดีน แฟนหนุ่ม ที่ออกมาแถลงข่าวโต้แทนตน เรียกเงินจำนวน 100 ล้านบาท และฟ้อง นางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา มารดาของตน จำนวนค่าเสียหาย 100 ล้านด้วย ซึ่งคดีดังกล่าวศาลแขวงปทุมวันมีคำสั่งไม่รับฟ้องไปแล้ว
หลังพยานเบิกความเสร็จ ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง น.ส.ศรัณย์รัชต์ กล่าวว่า การไต่สวนในวันนี้ได้พูดไปตามความจริงทั้งหมด เมื่อพูดความจริงแล้วจึงไม่ต้องกลัวอะไร ส่วนเรื่องราวที่มีการฟ้องร้องกันนั้น ส่งผลให้ตนเองเครียดบ้าง เพราะไม่เคยขึ้นศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีทางไกล่เกลี่ยกันได้หรือไม่ น.ส.ศรัณย์รัชต์ กล่าวว่า การที่ หมอกฤษฏ์ มาฟ้องกลับ ทั้งแฟนหนุ่มและมารดาตนนั้น ทำให้การไกล่เกลี่ยน่าจะยาก แต่ก็อยากให้คดีจบลงเร็วๆ โดยในวันนี้ไม่ได้ทักทายกับคู่กรณีไม่ได้มองหน้าเขาเลย
ด้าน นายศุภกฤษฏ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ตนจึงยังไม่มีโอกาสได้พูดอะไร ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร จะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่ ส่วนเรื่องสภาพจิตใจตอนนี้ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว ส่วนเรื่องงานตอนนี้ก็มีเข้ามาเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่า สัปดาห์หนึ่ง 7 วัน ตนไม่มีวันว่างเลย และในวันที่ 7 พ.ค.ที่ศาลนัดฟังคำสั่งนั้นตนคงไม่เดินทางมาด้วยตัวเองเนื่องจากติดงาน แต่จะมอบอำนาจให้ทีมทนายความมาฟังคำสั่งแทน
