ปดส.จับกุมโจ๋ชำเราเด็กอายุ 14 หลังเหยื่อทนไม่ไหวหนีฟ้องแม่ พาเข้าขอความช่วยเหลือกับ “ป้าปิ๊ก” แถมสักชื่อตัวเองทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์บนเนินอกผู้เสียหาย เจ้าตัวสารภาพเรียนรู้วิธีสักจากคุก ก่อนพ้นโทษคดีรับของโจร อ้างได้ให้ยาเด็กกินก่อนเมาเบลอและมีเพศสัมพันธ์หลายครั้ง รอยสักเด็กยินยอมให้ทำเอง
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ บก.ปดส. เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รอง ผบก.ปดส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.ปดส. และ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายจีรศักดิ์ เกษอาภรณ์ หรือ “เสหนึ่ง” อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1153/2552 ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ทำร้ายร่างกายและข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการโดยกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย พร้อมด้วยเข็มสักพร้อมด้ามจำนวน 1 อัน และบ้องกัญชา 1 อีก 1 อัน โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 210 หมู่ 2 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา นางปวีณา พร้อมด้วย นางเอ (นามสมมติ) พา ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี บุตรสาวเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายจีรศักดิ์ หลังก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.บี เหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง จากการสอบสวนนางเอทราบว่า เมื่อประมาณต้นเดือนตุลาคม 2551 นางเอได้พาบุตรสาวไปอาศัยอยู่กับมารดาของนายจีรศักดิ์ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งย่าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เนื่องจากนางเอมีฐานะยากจน และก็เป็นเพื่อนสนิทกับมารดาของนายจีรศักดิ์เป็นอย่างดี โดยให้บุตรสาวคอยช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้มารดาของนายจีรศักดิ์รักบุตรสาวเหมือนลูกคนหนึ่ง
นางเอให้การว่าต่อมา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนปีเดียวกัน นายจีรศักดิ์ได้พ้นโทษคดีรับของโจรออกมาจากเรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ กลับมาอยู่ที่บ้าน ในวันเกิดเหตุเกิดนายจีรศักดิ์ ได้เรียก ด.ญ.บี ขึ้นไปหาบนห้อง จากนั้นได้บังคับให้กินยาเม็ดสีเหลือง จำนวน 15 เม็ด ซึ่งนายจีรศักดิ์อ้างว่าเป็นยาแก้ไอ หลังจากกินยาแล้ว ด.ญ.บี ก็มีอาการเมา รู้สึกเบลอ และอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง จากนั้นนายจีรศักดิ์ใช้กำลังบังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ หลังเสร็จแล้วก็ข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องไปบอกใคร และหากคิดจะหลบหนีนายจีรศักดิ์ก็จะตามไปทำร้าย ด.ญ.บี และครอบครัว ทำให้ผู้เสียหายกลัวเพราะเห็นว่าผู้ต้องหาเคยติดคุกมาแล้ว จึงยอมให้นายจีรศักดิ์ข่มขืนอีกหลายครั้ง เป็นเวลากว่า 5 เดือน จนมาเมื่อเดือนมีนาคม 2552 หลังนายจีรศักดิ์ข่มขืนเสร็จแล้วก็ยังใช้เข็มสักที่บริเวณหน้าอกของ ด.ญ.เอ เป็นตัวหนังสือสีดำเป็นแถวยาวมีข้อความว่า “เสหนึ่ง จีรศักดิ์ เกษอาภรณ์” ก็เลยทำให้ทนไม่ไหวต้องหนีกลับมาหามารดา และพากันเข้าแจ้งความดังกล่าว
จากการสอบสวน นายจีรศักดิ์ให้การรับสารภาพว่าเคยถูกจำคุกอยู่เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน และเรียนวิธีสักในคุก เมื่อพ้นโทษแล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านพัก จึงมาพบกับ ด.ญ.บี โดยวันเกิดเหตุได้ชวน ด.ญ.บี ไปเที่ยวงานลอยกระทง หลังจากนั้นได้พากันกลับมาที่บ้าน แล้วก็ให้ ด.ญ.บี ลองกินยาแก้ไอ จน ด.ญ.บีมีอาการมึนเมาก็เลยมีเพศสัมพันธ์กัน และทำเช่นนี้อีกหลายครั้ง ส่วนเรื่องรอยสักนั้นทาง ด.ญ.บียินยอมให้สักเอง ไม่ได้เป็นการบังคับขืนใจแต่อย่างใด เชื่อว่าเขาอาจจะชอบก็ได้ ซึ่งส่วนตัวแล้วเมื่อใครตกเป็นภรรยาของตนก็จะสักให้ทุกคน ส่วนบ้องกัญชาที่พบนั้นตนก็มีไว้ใช้เอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน บก.ปดส.ดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้เสียหายก็จะให้เข้าฟื้นฟูสภาพจิตใจที่มูลนิธิปวีณาฯ นอกจากนี้ ทางมูลนิธิฯยังได้ประสานไปยัง รพ.ยันฮี เพื่อขอให้ช่วยลบรอยสักของผู้เสียหายออกอีกด้วย
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ บก.ปดส. เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รอง ผบก.ปดส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.ปดส. และ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายจีรศักดิ์ เกษอาภรณ์ หรือ “เสหนึ่ง” อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1153/2552 ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ทำร้ายร่างกายและข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการโดยกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย พร้อมด้วยเข็มสักพร้อมด้ามจำนวน 1 อัน และบ้องกัญชา 1 อีก 1 อัน โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 210 หมู่ 2 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา นางปวีณา พร้อมด้วย นางเอ (นามสมมติ) พา ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี บุตรสาวเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายจีรศักดิ์ หลังก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.บี เหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง จากการสอบสวนนางเอทราบว่า เมื่อประมาณต้นเดือนตุลาคม 2551 นางเอได้พาบุตรสาวไปอาศัยอยู่กับมารดาของนายจีรศักดิ์ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งย่าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เนื่องจากนางเอมีฐานะยากจน และก็เป็นเพื่อนสนิทกับมารดาของนายจีรศักดิ์เป็นอย่างดี โดยให้บุตรสาวคอยช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้มารดาของนายจีรศักดิ์รักบุตรสาวเหมือนลูกคนหนึ่ง
นางเอให้การว่าต่อมา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนปีเดียวกัน นายจีรศักดิ์ได้พ้นโทษคดีรับของโจรออกมาจากเรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ กลับมาอยู่ที่บ้าน ในวันเกิดเหตุเกิดนายจีรศักดิ์ ได้เรียก ด.ญ.บี ขึ้นไปหาบนห้อง จากนั้นได้บังคับให้กินยาเม็ดสีเหลือง จำนวน 15 เม็ด ซึ่งนายจีรศักดิ์อ้างว่าเป็นยาแก้ไอ หลังจากกินยาแล้ว ด.ญ.บี ก็มีอาการเมา รู้สึกเบลอ และอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง จากนั้นนายจีรศักดิ์ใช้กำลังบังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ หลังเสร็จแล้วก็ข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องไปบอกใคร และหากคิดจะหลบหนีนายจีรศักดิ์ก็จะตามไปทำร้าย ด.ญ.บี และครอบครัว ทำให้ผู้เสียหายกลัวเพราะเห็นว่าผู้ต้องหาเคยติดคุกมาแล้ว จึงยอมให้นายจีรศักดิ์ข่มขืนอีกหลายครั้ง เป็นเวลากว่า 5 เดือน จนมาเมื่อเดือนมีนาคม 2552 หลังนายจีรศักดิ์ข่มขืนเสร็จแล้วก็ยังใช้เข็มสักที่บริเวณหน้าอกของ ด.ญ.เอ เป็นตัวหนังสือสีดำเป็นแถวยาวมีข้อความว่า “เสหนึ่ง จีรศักดิ์ เกษอาภรณ์” ก็เลยทำให้ทนไม่ไหวต้องหนีกลับมาหามารดา และพากันเข้าแจ้งความดังกล่าว
จากการสอบสวน นายจีรศักดิ์ให้การรับสารภาพว่าเคยถูกจำคุกอยู่เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน และเรียนวิธีสักในคุก เมื่อพ้นโทษแล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านพัก จึงมาพบกับ ด.ญ.บี โดยวันเกิดเหตุได้ชวน ด.ญ.บี ไปเที่ยวงานลอยกระทง หลังจากนั้นได้พากันกลับมาที่บ้าน แล้วก็ให้ ด.ญ.บี ลองกินยาแก้ไอ จน ด.ญ.บีมีอาการมึนเมาก็เลยมีเพศสัมพันธ์กัน และทำเช่นนี้อีกหลายครั้ง ส่วนเรื่องรอยสักนั้นทาง ด.ญ.บียินยอมให้สักเอง ไม่ได้เป็นการบังคับขืนใจแต่อย่างใด เชื่อว่าเขาอาจจะชอบก็ได้ ซึ่งส่วนตัวแล้วเมื่อใครตกเป็นภรรยาของตนก็จะสักให้ทุกคน ส่วนบ้องกัญชาที่พบนั้นตนก็มีไว้ใช้เอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน บก.ปดส.ดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้เสียหายก็จะให้เข้าฟื้นฟูสภาพจิตใจที่มูลนิธิปวีณาฯ นอกจากนี้ ทางมูลนิธิฯยังได้ประสานไปยัง รพ.ยันฮี เพื่อขอให้ช่วยลบรอยสักของผู้เสียหายออกอีกด้วย
