ตำรวจสุทธิสาร คุมตัวสิบเอก ทบ.กับเมีย มือวางระเบิดรถเบนซ์เศรษฐีค้าอัญมณีหวังฆ่าล้างหนี้ ฝากขังศาลอาญาพร้อมค้านประกัน เกรงหลบหนี
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสน.สุทธิสาร ได้ควบคุมตัว ส.อ.ณรงค์ฤทธิ์ หรือเต้ย ดิษเจริญ อายุ 29 ปี และ น.ส.เบญจทิพย์ ดิษเจริญ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น กระทำการให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย มีและใช้ซึ่งวัตถุระเบิดโดยไม่รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. - 9 พ.ค. 52
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.52 เวลา 20.45 น. นายหมอน กลิ่นหอม ได้ขับรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน 8ษ-8938 กทม. โดยมี ร.อ.ทรงศักดิ์ ประเสริฐโสภณ นั่งที่เบาะด้านหน้า และมีนางสุดใจ ประเสริฐโสภณ นั่งที่เบาะด้านหลังขวา มาจอดที่หน้าบ้านเลขที่ 45 ศุภฤกษ์ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. ขณะที่เรียกบีบแตรให้คนรับใช้มาเปิดประตู ได้เกิดระเบิดขึ้นที่ท้ายรถ เป็นเหตุให้ น.ส.อารียา ใจดี คนรับใช้ได้รับบาดเจ็บ รถได้รับความเสียหาย ราคาประมาณ 150,000 บาท แรงระเบิดภายในบ้านทำให้กระจกเสียหายเล็กน้อย จากการสืบสวนทราบว่านางสุดใจมีอาชีพขายเครื่องประดับ โดยผู้ต้องหาที่ 2 ได้ซื้อเครื่องประดับจากนางสุดใจ รวมเป็นเงิน 4,200,000 บาท แต่ยังค้างชำระประมาณ 3,800,000 บาท ซึ่งนางสุดใจได้โทร.ถามเรื่อยมา
ต่อมา ผู้ต้องหาที่ 2 อ้างว่าต้องการซื้อที่ดิน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เนื้อที่ประมาณ 47 ไร่ ราคาประมาณ 22 ล้านบาท จากนางสุดใจ และยังอ้างว่าบิดาซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นจะมาประเทศไทยเพื่อมาชำระหนี้ที่ค้างไว้ พร้อมกับวางค่ามัดจำที่จะซื้อที่ดิน โดยตกลงกันให้นางสุดใจเป็นคนตรียมอาหารเลี้ยงต้อนรับ ในวันที่ 25 เม.ย.52 ขณะที่นางสุดใจเลือกซื้ออาหาร ผู้ต้องหาที่ 2 ได้โทรศัพท์มาบอกให้นางสุดใจเดินทางไปรับอาหารสดและผลไม้เพื่อนำไปทำจัดเลี้ยงในช่วงเย็น ซึ่งนางสุดใจได้ให้นายหมอนขับรถเบนซ์คันเกิดเหตุ ไปยังบ้านของผู้ต้องหาที่ 2 ที่หมู่บ้าน ปริญลักษณ์ ถ.พระราม 5 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยมี ร.อ.ทรงศักดิ์ และนางสุดใจนั่งไปด้วย เมื่อไปถึงพบผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 อยู่ในบ้าน ระหว่างนั้นมีการพูดคุยทักทายกัน โดยผู้ต้องหาที่ 2 นำอาหารสด และผลไม้ไปใส่ท้ายรถเบนซ์ของนางสุดใจ ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 พูดคุยกับนายหมอนว่าไม่ต้องล็อกท้ายรถเพราะจะนำอาหารมาใส่ เมื่อคุยเสร็จนางสุดใจจึงเดินทางกลับมาบ้านพัก ระหว่างทางได้ยินเสียงดังครืนๆ ที่ล้อหลังด้านขวา เมื่อเดินทางมาถึงบ้านพักจึงเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว เชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้ร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ
โดยผู้ต้องหาที่ 1 นำระเบิดชนิดแสวงเครื่องไปติดตั้งไว้ภายในท้ายกระโปรงรถ เมื่อนายหมอนขับรถพานางสุดใจกลับถึงบ้านพักจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่บริเวณหน้าบ้าน ก่อนนำเครื่องจุดชนวนไปซุกซ่อนไว้ในถังขยะตรงข้ามกับบ้านที่เกิดเหตุ แล้วเปิดคลื่นจุดชนวนไว้โดยตลอด เมื่อรถยนต์แล่นผ่านมาในรัศมี ระเบิดที่ติดตั้งไว้จึงเกิดระเบิดขึ้น ต่อมาวันที่ 26 เม.ย. 52 เวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ โดยทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบปากคำพยานบุคคลอีก 7 ปาก รอการตรวจพิสูจน์พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหา รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐาน ฯลฯ ท้ายคำร้องยังระบุด้วยว่า พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสอง เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งคดีมีอัตราโทษจำคุกสูง เกรงว่าจะหลบหนี ศาลพิจาณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้
ด้าน พ.ต.อ.มานพ สุคนธนพัฒน์ ผกก.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า ในวันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปทำการฝากขังที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก โดยคัดค้านการประกันตัว แต่หากจำเป็นต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติมก็จะทำการร้องขอต่อศาลนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำ ส่วนเรื่องการสอบปากคำผู้ต้องหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นยังคงยืนยันให้การปฏิเสธ ยอมรับแต่เพียงว่าในวันเกิดเหตุได้นำอาหารและผลไม้ใส่ไว้ในรถของผู้เสียหายจริง แต่ไม่รู้เรื่องที่มีการวางระเบิด
พ.ต.อ.มานพ กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานที่มีความเชื่อมโยง และเป็นไปได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 เป็นคนก่อเหตุจริง แต่อย่างไรก็ตามจะต้องให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุและรถของผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากที่มีการตรวจสอบไปแล้วก็พบรอยนิ้วมือแฝงแต่ยังไม่ได้นำมาเทียบกับผู้ต้องหา ส่วนในถังขยะซึ่งเป็นจุดที่มีการนำรีโมตรถบังคับวิทยุเด็กเล่นซึ่งเป็นภาคส่งสัญญาณที่คนร้ายนำมาทิ้งเอาไว้ จะส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปสอบถามประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงว่ามีใครเห็นเหตุการณ์บ้างหรือไม่ขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงแล้ว ซึ่งได้มาทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าผู้ต้องทั้ง 2 น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะมีการฝากขัง ผกก.ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ออกมาผลัดกันสอบปากคำเพื่อเกลี้ยกล่อมหวังให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง แต่ผู้ต้องหาก็ยังยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด สำหรับน.ส.เบญญทิพย์ เดโชชัย เคยถูกต้องคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เมื่อปี 2547 ส่วน ส.อ.ณรงค์ฤทธิ์ เคยต้องคดีพยายามฆ่า แต่ต่อสู้คดีออกมาเมื่อปี 2549
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสน.สุทธิสาร ได้ควบคุมตัว ส.อ.ณรงค์ฤทธิ์ หรือเต้ย ดิษเจริญ อายุ 29 ปี และ น.ส.เบญจทิพย์ ดิษเจริญ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น กระทำการให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย มีและใช้ซึ่งวัตถุระเบิดโดยไม่รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. - 9 พ.ค. 52
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.52 เวลา 20.45 น. นายหมอน กลิ่นหอม ได้ขับรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน 8ษ-8938 กทม. โดยมี ร.อ.ทรงศักดิ์ ประเสริฐโสภณ นั่งที่เบาะด้านหน้า และมีนางสุดใจ ประเสริฐโสภณ นั่งที่เบาะด้านหลังขวา มาจอดที่หน้าบ้านเลขที่ 45 ศุภฤกษ์ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. ขณะที่เรียกบีบแตรให้คนรับใช้มาเปิดประตู ได้เกิดระเบิดขึ้นที่ท้ายรถ เป็นเหตุให้ น.ส.อารียา ใจดี คนรับใช้ได้รับบาดเจ็บ รถได้รับความเสียหาย ราคาประมาณ 150,000 บาท แรงระเบิดภายในบ้านทำให้กระจกเสียหายเล็กน้อย จากการสืบสวนทราบว่านางสุดใจมีอาชีพขายเครื่องประดับ โดยผู้ต้องหาที่ 2 ได้ซื้อเครื่องประดับจากนางสุดใจ รวมเป็นเงิน 4,200,000 บาท แต่ยังค้างชำระประมาณ 3,800,000 บาท ซึ่งนางสุดใจได้โทร.ถามเรื่อยมา
ต่อมา ผู้ต้องหาที่ 2 อ้างว่าต้องการซื้อที่ดิน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เนื้อที่ประมาณ 47 ไร่ ราคาประมาณ 22 ล้านบาท จากนางสุดใจ และยังอ้างว่าบิดาซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นจะมาประเทศไทยเพื่อมาชำระหนี้ที่ค้างไว้ พร้อมกับวางค่ามัดจำที่จะซื้อที่ดิน โดยตกลงกันให้นางสุดใจเป็นคนตรียมอาหารเลี้ยงต้อนรับ ในวันที่ 25 เม.ย.52 ขณะที่นางสุดใจเลือกซื้ออาหาร ผู้ต้องหาที่ 2 ได้โทรศัพท์มาบอกให้นางสุดใจเดินทางไปรับอาหารสดและผลไม้เพื่อนำไปทำจัดเลี้ยงในช่วงเย็น ซึ่งนางสุดใจได้ให้นายหมอนขับรถเบนซ์คันเกิดเหตุ ไปยังบ้านของผู้ต้องหาที่ 2 ที่หมู่บ้าน ปริญลักษณ์ ถ.พระราม 5 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยมี ร.อ.ทรงศักดิ์ และนางสุดใจนั่งไปด้วย เมื่อไปถึงพบผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 อยู่ในบ้าน ระหว่างนั้นมีการพูดคุยทักทายกัน โดยผู้ต้องหาที่ 2 นำอาหารสด และผลไม้ไปใส่ท้ายรถเบนซ์ของนางสุดใจ ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 พูดคุยกับนายหมอนว่าไม่ต้องล็อกท้ายรถเพราะจะนำอาหารมาใส่ เมื่อคุยเสร็จนางสุดใจจึงเดินทางกลับมาบ้านพัก ระหว่างทางได้ยินเสียงดังครืนๆ ที่ล้อหลังด้านขวา เมื่อเดินทางมาถึงบ้านพักจึงเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว เชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้ร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ
โดยผู้ต้องหาที่ 1 นำระเบิดชนิดแสวงเครื่องไปติดตั้งไว้ภายในท้ายกระโปรงรถ เมื่อนายหมอนขับรถพานางสุดใจกลับถึงบ้านพักจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่บริเวณหน้าบ้าน ก่อนนำเครื่องจุดชนวนไปซุกซ่อนไว้ในถังขยะตรงข้ามกับบ้านที่เกิดเหตุ แล้วเปิดคลื่นจุดชนวนไว้โดยตลอด เมื่อรถยนต์แล่นผ่านมาในรัศมี ระเบิดที่ติดตั้งไว้จึงเกิดระเบิดขึ้น ต่อมาวันที่ 26 เม.ย. 52 เวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ โดยทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบปากคำพยานบุคคลอีก 7 ปาก รอการตรวจพิสูจน์พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหา รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐาน ฯลฯ ท้ายคำร้องยังระบุด้วยว่า พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสอง เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งคดีมีอัตราโทษจำคุกสูง เกรงว่าจะหลบหนี ศาลพิจาณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้
ด้าน พ.ต.อ.มานพ สุคนธนพัฒน์ ผกก.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า ในวันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปทำการฝากขังที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก โดยคัดค้านการประกันตัว แต่หากจำเป็นต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติมก็จะทำการร้องขอต่อศาลนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำ ส่วนเรื่องการสอบปากคำผู้ต้องหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นยังคงยืนยันให้การปฏิเสธ ยอมรับแต่เพียงว่าในวันเกิดเหตุได้นำอาหารและผลไม้ใส่ไว้ในรถของผู้เสียหายจริง แต่ไม่รู้เรื่องที่มีการวางระเบิด
พ.ต.อ.มานพ กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานที่มีความเชื่อมโยง และเป็นไปได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 เป็นคนก่อเหตุจริง แต่อย่างไรก็ตามจะต้องให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุและรถของผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากที่มีการตรวจสอบไปแล้วก็พบรอยนิ้วมือแฝงแต่ยังไม่ได้นำมาเทียบกับผู้ต้องหา ส่วนในถังขยะซึ่งเป็นจุดที่มีการนำรีโมตรถบังคับวิทยุเด็กเล่นซึ่งเป็นภาคส่งสัญญาณที่คนร้ายนำมาทิ้งเอาไว้ จะส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปสอบถามประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงว่ามีใครเห็นเหตุการณ์บ้างหรือไม่ขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงแล้ว ซึ่งได้มาทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าผู้ต้องทั้ง 2 น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะมีการฝากขัง ผกก.ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ออกมาผลัดกันสอบปากคำเพื่อเกลี้ยกล่อมหวังให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง แต่ผู้ต้องหาก็ยังยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด สำหรับน.ส.เบญญทิพย์ เดโชชัย เคยถูกต้องคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เมื่อปี 2547 ส่วน ส.อ.ณรงค์ฤทธิ์ เคยต้องคดีพยายามฆ่า แต่ต่อสู้คดีออกมาเมื่อปี 2549