จำคุก 39 ปี “ป๋าแขก” หัวหน้าแก๊งส่งหญิงไทย ค้ากามญี่ปุ่น เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งโดนคุกกันทั่วหน้า
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.2963/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธีระพงศ์ หรือ ป๋าแขก เข็มทอง, นางดอตตี้ กาเลย์ หรือ โดตี้ กาไลย์, นางอรนุช หรือ ป้าจูน หอมอ่อน และ นางบุญเลี้ยง ประสานวงศ์ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาซึ่งบุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อการค้าหญิงและเด็ก หน่วงเหนี่ยว กักขัง เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 282, 283, 283 ทวิ, 284, 286, 320 พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ.2540 มาตรา 5, 7 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9, 12
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ 1 ม.ค.2543 ถึงวันที่ 29 พ.ค.2549 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสามกับพวกที่หลบหนีรวม 8 คน ได้ร่วมกันเป็นธุระจัดหา และชักพา ผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาว รวม 11 คน ไปเพื่อการอนาจาร โดยร่วมใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงอันควรบอกว่า สามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานเป็นบริกรที่ร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่น ความจริงแล้วจำเลยทั้งสามกับพวกจะพาผู้เสียหายไปเพื่อทำการค้าประเวณี อันเป็นการแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เหตุเกิดที่ อำเภอปง จังหวัดพะเยา แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ มาเลเซีย เวียดนาม เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เกี่ยวพันกัน
โจทก์มีผู้เสียหาย 11 คน เบิกความเป็นพยานในทำนองเดียวกันว่า ถูกจำเลยที่ 1 กับพวก พาไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นนั้นจะต้องไปพักค้างที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ เพื่อประทับตราในหนังสือเดินทางทำทีเป็นนักท่องเที่ยว จากนั้นจึงเดินทางไปยังประเทศเยอรมนี หรือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปค้างนาน 1 สัปดาห์ ก่อนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีบางรายไม่สามารถเข้าประเทศใดประเทศหนึ่งได้ ก็จะถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทย หากผู้เสียหายที่เข้าไปประเทศญี่ปุ่นได้ จำเลยที่ 1 จะพาไปค้าประเวณียังร้านคาราโอเกะ โดยอ้างว่าผู้เสียหายต้องทำงานใช้หนี้ อันเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาประเทศญี่ปุ่น รายละประมาณ 3-5 ล้านเยน
นอกจากนี้ โจทก์ยังมีเจ้าพนักงานตำรวจเบิกความด้วยว่า เหตุที่ประเทศเยอรมนี ส่งผู้เสียหายกลับประเทศไทย เนื่องจากพบว่า จำเลยที่ 1-2 มีพฤติการณ์ค้าประเวณี โดยทำการเปิดบริษัทท่องเที่ยวบังหน้า โดยทางสถานเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ไทยดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 กับพวก สอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหายที่เบิกความว่า จำเลยที่ 1-2 พาไปประเทศเยอรมนี แต่ไม่สามารถเข้าประเทศได้ เชื่อพยานทุกปากให้การไปตามจริง ที่จำเลยทั้งสี่ นำสืบมาว่าไม่รู้จักกับผู้เสียหายทั้ง 11 คน ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่ มีความผิดฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาซึ่งบุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีฯ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อการค้าหญิงและเด็ก เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ. 2540 มาตรา 5, 7 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 9 หลายกรรมต่างกันให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 จำนวน 39 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 จำนวน 28 ปี จำเลยคุกจำเลยที่ 3 จำนวน 6 ปี และจำคุกจำเลยที่ 4 จำนวน 14 ปี
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.2963/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธีระพงศ์ หรือ ป๋าแขก เข็มทอง, นางดอตตี้ กาเลย์ หรือ โดตี้ กาไลย์, นางอรนุช หรือ ป้าจูน หอมอ่อน และ นางบุญเลี้ยง ประสานวงศ์ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาซึ่งบุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อการค้าหญิงและเด็ก หน่วงเหนี่ยว กักขัง เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 282, 283, 283 ทวิ, 284, 286, 320 พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ.2540 มาตรา 5, 7 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9, 12
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ 1 ม.ค.2543 ถึงวันที่ 29 พ.ค.2549 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสามกับพวกที่หลบหนีรวม 8 คน ได้ร่วมกันเป็นธุระจัดหา และชักพา ผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาว รวม 11 คน ไปเพื่อการอนาจาร โดยร่วมใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงอันควรบอกว่า สามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานเป็นบริกรที่ร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่น ความจริงแล้วจำเลยทั้งสามกับพวกจะพาผู้เสียหายไปเพื่อทำการค้าประเวณี อันเป็นการแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เหตุเกิดที่ อำเภอปง จังหวัดพะเยา แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ มาเลเซีย เวียดนาม เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เกี่ยวพันกัน
โจทก์มีผู้เสียหาย 11 คน เบิกความเป็นพยานในทำนองเดียวกันว่า ถูกจำเลยที่ 1 กับพวก พาไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นนั้นจะต้องไปพักค้างที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ เพื่อประทับตราในหนังสือเดินทางทำทีเป็นนักท่องเที่ยว จากนั้นจึงเดินทางไปยังประเทศเยอรมนี หรือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปค้างนาน 1 สัปดาห์ ก่อนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีบางรายไม่สามารถเข้าประเทศใดประเทศหนึ่งได้ ก็จะถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทย หากผู้เสียหายที่เข้าไปประเทศญี่ปุ่นได้ จำเลยที่ 1 จะพาไปค้าประเวณียังร้านคาราโอเกะ โดยอ้างว่าผู้เสียหายต้องทำงานใช้หนี้ อันเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาประเทศญี่ปุ่น รายละประมาณ 3-5 ล้านเยน
นอกจากนี้ โจทก์ยังมีเจ้าพนักงานตำรวจเบิกความด้วยว่า เหตุที่ประเทศเยอรมนี ส่งผู้เสียหายกลับประเทศไทย เนื่องจากพบว่า จำเลยที่ 1-2 มีพฤติการณ์ค้าประเวณี โดยทำการเปิดบริษัทท่องเที่ยวบังหน้า โดยทางสถานเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ไทยดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 กับพวก สอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหายที่เบิกความว่า จำเลยที่ 1-2 พาไปประเทศเยอรมนี แต่ไม่สามารถเข้าประเทศได้ เชื่อพยานทุกปากให้การไปตามจริง ที่จำเลยทั้งสี่ นำสืบมาว่าไม่รู้จักกับผู้เสียหายทั้ง 11 คน ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่ มีความผิดฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาซึ่งบุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีฯ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อการค้าหญิงและเด็ก เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ. 2540 มาตรา 5, 7 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 9 หลายกรรมต่างกันให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 จำนวน 39 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 จำนวน 28 ปี จำเลยคุกจำเลยที่ 3 จำนวน 6 ปี และจำคุกจำเลยที่ 4 จำนวน 14 ปี