“ทวี สอดส่อง” ลงพื้นที่หารือผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี วางมาตรการจัดการนายทุนว่าจ้างแรงงานผู้อพยพ บุกรุกแผ้วถางที่ดินราชพัสดุ ปลูกพืชเศรษฐกิจ
วันนี้ (23 เม.ย.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ร่วมหารือกับ นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กรณีการบุกรุกที่ดินราชพัสดุ อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ที่ห้องประชุมเล็ก ตึกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ชั้น 3 บริเวณศาลากลางจังหวัดราชบุรี โดยมีประเด็นการหารือที่สำคัญ ประกอบด้วย แนวทางในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินที่ราชพัสดุในอำเภอสวนผึ้ง และ ปัญหาการใช้ผู้อพยพในศูนย์อพยพ เป็นกองกำลังในการบุกแผ้วถาง เพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจให้กับกลุ่มนายทุน และการปฏิบัติงานของคณะทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้มีการสนธิกำลังและบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การบุกรุกที่ดินของนายทุนรายใหญ่กรณีนี้มีพื้นที่ประมาณ 6,000 ไร่ มูลค่าของที่ดินประมาณ 3,600 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า โดยเป็นพื้นที่ความมั่นคง จึงจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐดูแลเป็นพิเศษ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับที่ดินราชพัสดุ อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เป็นที่ดินสงวนหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี อำเภอวังขนาย อำเภอบ้านทวน และอำเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ.2481 ต่อมา พ.ศ.2506 ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทยมอบอำนาจในการดูแลรักษาพื้นที่หวงห้ามให้กองทัพบก กองทัพบกจึงได้ส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้กับหน่วยงานรองในการบริหารจัดการและดูแลพื้นที่ และได้ขึ้นทะเบียนต่อกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เป็นแปลงหมายเลขทะเบียนที่ รบ.553 เนื้อที่ 500,000 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศประมาณ ร้อยละ 75-80 เป็นภูเขาสูงซ้อนกัน มีแหล่งต้นน้ำลำธาร และพื้นที่ติดต่อชายแดนพม่าระยะทางประมาณ 50-60 กิโลเมตร
“การบุกรุกเข้าครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อทหารซึ่งเป็นผู้ใช้ประโยชน์พื้นที่ในการฝึกภาคสนาม ทำให้ไม่สามารถฝึกปฏิบัติได้เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังพบว่าการบุกรุกพื้นที่รายใหญ่เป็นการบุกรุกของนายทุนนอกพื้นที่ มีการก่อสร้าง แผ้วถางที่ดิน ซึ่งมีสภาพเป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และปลูกยางพาราทดแทน เชื่อว่าน่าจะมีการจ้างแรงงานต่างด้าวราคาถูกจากศูนย์อพยพ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุดังกล่าว เมื่อทหารลาดตระเวนในพื้นที่ได้พบว่ามีการบุกรุกในพื้นที่เป็นบริเวณกว้างประกอบกับมีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนในการเข้ายึดพื้นที่ เช่น เป็นผู้รับจ้างในการปรับแต่ง ไถปรับหน้าดินออกขาย บริเวณที่เป็นพื้นที่ราบแล้วยังครอบคลุมถึงพื้นที่เชิงเขาตลอดจนไปถึงยอดเขาด้วย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว