ผบ.ตร.ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เหตุวุ่นวายประชุมอาเซียนซัมมิต ชลบุรี มอบหมาย “ปทีป ตันประเสริฐ” หัวหน้าทีมตรวจเช็ก เกิดจากความบกพร่องของตำรวจหรือไม่ ด้าน “ปทีป” ฟิตเรียกประชุมวางกรอบการทำงานทันที มุ่งสืบข้อเท็จจริงไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ-ให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทุกนาย
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 166/2552 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีเกิดเหตุวุ่นวายที่ประชุมอาเซียนซัมมิต ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายน และเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในวันที่ 11 เมษายน จนต้องมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่า กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจผู้รับผิดชอบอย่างไร หรือไม่
อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 84 จึงตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง สืบสวนเรื่องดังกล่าว โดยมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่หัวหน้างานด้านอำนวยการ) เป็นกรรมการ พล.ต.ต.สุรพล อยู่นุช ผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ พ.ต.อ.ชัยพร วรรณประภา รองผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ พ.ต.ท.วิญญู ฉายอรุณ สารวัตรงานคดีวินัยฝ่ายอำนวยการ 4 กองบังคับการอำนวยการ สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ พ.ต.ท.รณภพ มั่นวิเชียร สารวัตรกลุ่มงานนิติกรด้านสอบสวนและพิจารณาโทษ กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการสืบสวนดำเนินการสืบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2547 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนสืบสวนมา เพื่อพิจารณาดำเนินการ โดยให้รายงานผลการดำเนินการในเบื้องต้นภายใน 7 วันด้วย เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีทราบ และให้ประธานกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการเพิ่มเติมตามความจำเป็น
หากคณะกรรมการสืบสวน เห็นว่า กรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่สืบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว
ต่อมาเวลา 14.00 น.พล.ต.อ.ปทีป ได้เรียกคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดประชุม เพื่อวางกรอบแนวทางในการทำงาน โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ปทีป กล่าภายหลังการประชุม ว่า วันนี้เรียกประชุมเพื่อวางกรอบแนวทางในการทำงานทั้งหมด และจะทำการสืบสวนข้อเท็จจริงไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 166/2552 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีเกิดเหตุวุ่นวายที่ประชุมอาเซียนซัมมิต ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายน และเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในวันที่ 11 เมษายน จนต้องมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่า กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจผู้รับผิดชอบอย่างไร หรือไม่
อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 84 จึงตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง สืบสวนเรื่องดังกล่าว โดยมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่หัวหน้างานด้านอำนวยการ) เป็นกรรมการ พล.ต.ต.สุรพล อยู่นุช ผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ พ.ต.อ.ชัยพร วรรณประภา รองผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ พ.ต.ท.วิญญู ฉายอรุณ สารวัตรงานคดีวินัยฝ่ายอำนวยการ 4 กองบังคับการอำนวยการ สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ พ.ต.ท.รณภพ มั่นวิเชียร สารวัตรกลุ่มงานนิติกรด้านสอบสวนและพิจารณาโทษ กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการสืบสวนดำเนินการสืบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2547 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนสืบสวนมา เพื่อพิจารณาดำเนินการ โดยให้รายงานผลการดำเนินการในเบื้องต้นภายใน 7 วันด้วย เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีทราบ และให้ประธานกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการเพิ่มเติมตามความจำเป็น
หากคณะกรรมการสืบสวน เห็นว่า กรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่สืบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว
ต่อมาเวลา 14.00 น.พล.ต.อ.ปทีป ได้เรียกคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดประชุม เพื่อวางกรอบแนวทางในการทำงาน โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ปทีป กล่าภายหลังการประชุม ว่า วันนี้เรียกประชุมเพื่อวางกรอบแนวทางในการทำงานทั้งหมด และจะทำการสืบสวนข้อเท็จจริงไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย